วันที่ 20 ก.พ. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีผู้ขุดพบเรือไม้โบราณอายุกว่า 100 ปี ในที่ดินซึ่งเคยทำนาเกลือมาก่อน แต่ปัจจุบันกำลังถูกพลิกฟื้นใหม่ให้เป็นวังกุ้ง ในพื้นที่หมู่ 2 ต.นาโคก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร จึงได้เดินทางไปพิสูจน์ข้อเท็จจริง โดยเมื่อไปถึงก็พบว่ามีชาวบ้านหลายคนกำลังเดินทางเข้าไปในที่ดินของนายช่อ มากสัมพันธ์ ซึ่งกำลังปรับหน้าดินใหม่ให้เป็นพื้นที่สำหรับการเลี้ยงกุ้ง และเมื่อเดินเท้าเข้าไปไม่ไกลนัก ก็ได้พบกับเรือไม้ขนาดใหญ่และยาวมากลำหนึ่ง ที่ถูกนำขึ้นมาไว้บนคันดินแล้ว มีชาวบ้านหลายคนนำดอกไม้ธูปเทียนมากราบไหว้ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีความเชื่อถือแบบโบราณ ซึ่งสภาพเรือลำนี้แม้จะมีรอยแตกหักไปหลายส่วน แต่ก็เรียกได้ว่ายังค่อนข้างสมบูรณ์อยู่มาก ที่กาบเรือมีเนื้อไม้ฉีกขาดไปเล็กน้อยจากการโดนขุด และมีรอยคล้ายถูกตัดจากอาวุธมีคมตั้งแต่ในอดีต คาดน่าจะเป็นเรือที่ใช้เพื่อการขนสินค้าทางน้ำ หรือไม่ก็เรือพายของหน่วยทหารในอดีตที่ใช้ตามเสด็จฯ

นายวัฒนวิษว์ ศักดิ์สิทธิ์ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 79 หมู่ 7 ต.ลาดใหญ่ อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม ซึ่งเป็นผู้ที่มาเช่าที่เพื่อทำวังกุ้ง และเป็นผู้พบเรือเล่าว่า ตนได้จ้างรถแบคโฮมาขุดดินเพื่อปรับพื้นที่ใหม่ โดยเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา ขณะที่ขุดลึกลงไปประมาณ 1 เมตร ก็เจอเนื้อไม้ จากนั้นจึงได้ขุดต่อก็เห็นเป็นไม้ขนาดใหญ่ จึงคิดว่าเป็นเรือโบราณอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงได้ยุติการขุดดินตรงนั้นไว้ก่อน จนกระทั่งในวันที่ 17 ก.พ. ก็ได้นำสิ่งของมาทำพิธีเซ่นไหว้ตามโบราณประเพณีที่ถือปฏิบัติกันมา แล้วก็ลงมือขุดต่อไป แต่ไม่ใช้เครื่องมือหนักอีกแล้ว ค่อยๆ ใช้อุปกรณ์ขุดดินออกไปเรื่อยๆ จนเห็นลำเรือตลอดทั้งลำ โดยลักษณะเรือที่จมลงไปในดินนั้น เป็นลักษณะของส่วนหัวเรือจะเชิดขึ้น ท้ายเรือจะจมลึกลงไปประมาณ 2 เมตร มีความยาวตลอดลำเรือ 17 เมตรกับอีก 34 นิ้ว, กว้าง 1 เมตร 10 เซนติเมตร และมีความลึกหรือความสูงจากขอบบนถึงใต้ท้องเรือเกือบ 50 เซนติเมตร เป็นเรือขุดที่ใช้ไม้ตะเคียนเพียงต้นเดียว คาดว่ามีอายุไม่ต่ำกว่า 100 ปี

นายวัฒนวิษว์ เล่าอีกว่า ก่อนที่จะพบเรือ ภรรยาของตนได้ฝันว่ามาเดินในที่ดินแปลงนี้ แล้วก็ตกลงไปในร่องน้ำที่มีเรือจมอยู่ ครั้นพอวันรุ่งขึ้นก็มาขุดพบเรือลำดังกล่าว ส่วนตนหลังจากที่นำเรือขึ้นมาได้แล้ว ตอนกลางดึกในวันนั้นก็ได้กลิ่นธูป กลิ่นน้ำหอมอบลอยคละคลุ้งเช่นเดียวกัน นอกจากนั้นเมื่อราว 6 ปีก่อน ตอนที่มาบุกเบิกที่ตรงนี้ก็ขุดเจอเครื่องถ้วยชามโบราณจำนวนมาก แต่อยู่ในสภาพที่แตกหัก

ส่วนนางสมฤดี ดิษแพ กำนันตำบลนาโคก เล่าว่า ความเชื่อเกี่ยวกับเรือลำนี้ เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว โดยตอนนั้นมีเจ้าของที่ดินแปลงหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตรและเป็นญาติกับเจ้าของที่ดินแปลงนี้ ได้ขุดพบเรือไม้ตะเคียนโบราณลำใหญ่ 1 ลำ สภาพสวยสมบูรณ์มาก แต่ลำใหญ่กว่าลำนี้ หลังจากที่ขุดเจอแล้วได้ทำพิธีเชิญไปไว้ที่วัดนาโคก ซึ่งก็มีคนทรงเจ้ามาเข้าทรงแล้วบอกว่า เรือที่ขุดพบลำแรกนี้เป็นเรือพี่ แต่ยังมีเรือน้องอีก 1 ลำ จมอยู่ในดิน แล้วจะพบเจอเองเมื่อเรือน้องต้องการขึ้นมาจากดิน ซึ่งชาวบ้านก็เชื่อตามคำบอกกล่าวนั้น แต่ก็ไม่เคยมีใครขุดพบ จนกระทั่งมาพบเจอเรือลำนี้ จึงเชื่อว่าเรือทั้งสองลำนี้คือ เรือพี่เรือน้องกัน หลังจากนี้จะมีการตรวจดูสภาพเรือก่อน แล้วจึงทำพิธีเพื่อเคลื่อนย้ายเรือลำนี้ไปอยู่ที่วัดนาโคกอีก 1 ลำ ให้เรือพี่กับเรือน้องได้อยู่คู่กัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน