เมื่อวันที่ 8 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจากนางวิภา ชัยภูธร อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34 ม.14 ต.โนนก่อ อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี ว่าลูกสาวของตนเกิดอุบัติเหตุถูกรถกระบะชนกับรถจักรยานยนต์ที่ลูกสาวของตนนั่งซ้อนท้ายมา จนบาดเจ็บสาหัส สุดท้ายต้องถูกตัดขาด้านขวาตั้งแต่สะโพกลงมา ทำให้ลูกสาวและครอบครัวต้องใช้ชีวิตอย่างลำบาก และยังไม่ได้รับการชดเชยเยียวยาจากคู่กรณีในสัดส่วนที่เหมาะสม ซึ่งนอกจากจะได้รับความลำบากสูญเสียขาแล้ว ลูกสาวของตนยังต้องมีภาระเลี้ยงลูกน้อยอีกสองคน จึงวิงวอนขอให้คู่กรณีเข้ามาช่วย และขอให้สังคมช่วยเหลือในด้านของการประกอบอาชีพแก่ลูกสาวด้วย

เดินทางตรวจสอบตามที่นางวิภา ร้องเรียนมาที่พบเป็นบ้านสองชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ มีน.ส.วรีย์ ชัยภูธร อายุ 19 ปี ลูกสาวนางวิภา มีขาซ้ายข้างเดียว ส่วนขาขวาขาดจากการถูกตัดขาตั้งแต่สะโพกลงมา ในขณะที่ทุลักทุเลใช้อุปกรณ์ช่วยพยุงการเดิน บริเวณหน้าท้องยังต้องใช้ถุงยางช่วยขับถ่าย เพราะผลจากการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนั้นทำให้อวัยวะเพศและทวารหนักถูกฉีดขาดไปด้วยจึงไม่สามารถขับถ่ายได้ปกติ

น.ส.วรีย์ ชัยภูธร ผู้ประสบเหตุเล่าเหตุการณ์ ในวันเกิดอุบัติเหตุให้ฟังว่า วันนั้นตรงกับวันออกพรรษา 5 ต.ค.2560 เวลา 18.00 น. ตนกลับจากการทำบุญที่วัดสิรินธรวราราม (ภูพร้าว) โดยนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของเพื่อนเพื่อกลับบ้านมาตามถนนสาย 2396 พอมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นช่วงที่มีผิวจราจรไม่ดี เป็นหลุม ประกอบกับมีฝนตกเล็กน้อย เพื่อนกำลังจะเร่งความเร็วขับแซงรถยนต์ด้านหน้า แต่มีรถกระบะกำลังขับสวนมาพอดี ซึ่งเพื่อนที่ขับรถจักรยานยนต์พยายามจะหักหลบเข้ามาเลนตัวเอง แต่ไม่พ้นทำให้รถกระบะชนท้ายรถจักรยานยนต์ด้านขวา ซึ่งเป็นจุดพักเท้าของตนเอง อย่างแรง ทำให้แรงจากการชนฉีกขาขวาของตัวเองออก ร่างกระเด็นไปตกที่ข้างถนน ส่วนเพื่อนคนขับรถ กระเด็นไปพร้อมกับตัวรถตกที่ข้างถนนเช่นกัน จากอุบัติเหตุครั้งนั้นตนต้องถูกตัดขาขวาทั้งหมด ซึ่งแพทย์ผู้รักษาระบุว่าจำเป็นต้องตัดเพราะแผลติดเชื้ออย่างหนัก ซึ่งหากตัดขาออกจะสามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้ ซึ่งตนก็พยายามทำใจ

น.ส.วรีย์ กล่าวต่อว่า หลังจากถูกสูญเสียขาตนไม่สามารถกลับไปทำงานตามปกติได้ และต้องรับภาระเลี้ยงดูลูกน้อยสองคน คนโตอายุ 3 ขวบ ส่วนคนเล็กอายุเพียง 1 ขวบ ซึ่งต้องมีค่านม ค่าแพมเพิส ถึงแม้สามีจะออกไปทำงานรับจ้างต่างจังหวัดแต่ก็มีรายได้ไม่มาก ทั้งค่ากิน ค่าครองชีพ และจิปาถะ ทำให้ต้องลำบากมาก และในช่วงเวลาพักฟื้นร่างกาย ตนก็ศึกษาวิธีการถักกดอกไม้ลิบบิ้น จากอินเตอร์เน็ต แล้วมาฝึกถักส่งขายพอมีรายได้ซื้อนม แต่ก็ไม่เพียงพอซึ่งภาระก็ตกไปถึงพ่อแม่ ต้องออกไปทำงานนอกบ้านพอมาช่วยในเรื่องค่าเดินทางไปรักษาตัว

ด้านนางวิภา ผู้เป็นแม่กล่าวว่าหลังจากเกิดอุบัติเหตุ ทั้งผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ และรถกระบะ ได้นำเงินมาช่วยเบื้องต้นเพียงรายละ 25,000 บาท ซึ่งก็พยายามประหยัดใช้ แต่ก็ไม่เพียงพอทีจะดูแลครอบครัวได้ จึงอยากให้คู่กรณีทั้งสองฝ่ายเข้ามาช่วยเหลือเพิ่มอีก และอยากให้สังคมได้ให้โอกาสมอบอาชีพให้กับ น.ส.วรีย์ ที่จะสามารถทำงานอยู่ที่บ้านได้ ซึ่งถึงแม้อาการของ น.ส.วรีย์ จะยังไม่แข็งแรง แต่ก็ต้องอดทนใช้เวลาระหว่างการรักษาตัว ถักดอกไม้ริบบิ้น ที่ใช้ในงานวัด พอได้ขายมีรายได้มาบ้าง แต่ก็ยังมีคนมาจ้างน้อย จึงอยากฝากสังคม หากต้องการใช้ดอกไม้ในงานบุญ ก็มาให้ น.ส.วรีย์ ทำได้ หรือหากมีอาชีพอื่นที่สามารถทำงานอยู่ที่บ้านได้ ก็ยินดีที่จะรับทำ

ด้านนายบัวกัน นวลศิริ อายุ 45 ปี อยู่บานเลขที่ 78 ม.7 ต.ท่าคล้อ อ.เบญจลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ บิดาของนายสุริยา นวลศิริ อายุ 19 ปี คนขี่รถจักรยานยนต์กล่าวว่า ขณะนี้ลูกชายของตนก็ถูกตำรวจฟ้องดำเนินคดีในข้อหาขับรถโดยประมาท ทำให้บุคคลอื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส เป็นจำเลยที่ 1 ซึ่งลูกชายตนก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ซึ่งตนได้นำเงินไปช่วย น.ส.วรีย์ แล้วจำนวน 25,000 บาท เป็นการเบื้องต้นแต่ก็เข้าใจว่าไม่เพียงพอต่อการสูญเสียขาไปตลอดทั้งชีวิต แต่ก็ต้องขอความเป็นธรรมให้กับลูกชายด้วย ซึ่งถนนชำรุด เป็นหลุม จึงเป็นเหตุให้ต้องขับรถหักออกจากหลุมจนหักกลับมาไม่ทัน แต่ทั้งนี้ก็ต้องรอคำพิพากษาของศาลก่อน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน