วันที่ 27 มี.ค. พล.ต.ต.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบก.ภ.ปทุมธานี พ.ต.อ.อภิชาติ วรรณศักดิ์ รอง ผบก.ภ.ปทุมธานี พ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผกก.สส.ภ.ปทุมธานี และชุดสืบสวน บก.สส.ภ.1 กก.สส.ภ.ปทุมธานี และสภ.สามโคก ร่วมแถลงข่าวจับกุมคนร้ายแต่งกายคล้าย ตร. ตระเวนลักทรัพย์ในโรงพยาบาลสามโคก จากภาพกล้องวงจรปิด ที่เผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย เป็นภาพชายสวมชุดคล้ายตำรวจและหมวกกันน็อก ขี่จยย. ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เข้าไปลักทรัพย์ในโรงพยาบาล โดยจับกุมตัวได้ บริเวณย่านโรงงานโรจนะ จ.พระนครศรีอยุธยา เบื้องต้นยังไม่ได้ชุดตำรวจที่ก่อเหตุ แต่ได้นำของกลางส่วนหนึ่งที่คาดว่า ผู้ก่อเหตุได้โจรกรรมมาไว้ที่ สภ.สามโคก เพื่อตรวจสอบ
จากกรณีเมื่อวันที่ 31 ม.ค. มีคนร้ายเข้าไปก่อเหตุชิงทรัพย์เหตุเกิดบนอาคารที่พักบุคลากรด้านหลังโรงพยาบาลสามโคก ต่อมาวันที่ 15 มี.ค. คนร้ายเข้าไปลักทรัพย์ในโรงพยาบาลสามโคก ได้ทรัพย์สินเป็นคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คและ iPad หลังจากเกิดเหตุเจ้าที่ตำรวจ ได้ติดตามจับกุมคนร้ายได้ในที่สุด คือ นายพิทักษ์วงศ์ พูนผล อายุ 35 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 79/307 ม.7 แขวงลำผักชี เขตหนองจอก กรุงเทพ เคยเป็นตำรวจอาสา สภ.คลองหลวง ปัจจุบันมันทำงานอยู่บริษัทแคนอน บางปะอิน
ประวัติคดี 1.คดีเลขที่ 626/2541 สน.ดุสิต กรุงเทพฯ ชิงทรัพย์โดยมีอาวุธและข่มขืนกระทำชำเราหญิงอื่น 2.คดีเลขที่ 672/259 ลงวันที่ 12/09/2549 สภ.ปากคลองรังสิต จว.ปทุมธานี ชิงทรัพย์ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ 3.คดีเลขที่ 680/2549 ลงวันที่ 14/09/2549 สภ.ปากคลองรังสิต จว.ปทุมธานี ข้อหา ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน 4.คดีเลขที่ 220/2557 ลงวันที่ 01/11/2557 สภ.พระอินทร์ราชา จว.พระนครศรีอยุธยา ข้อหาวิ่งราวทรัพย์ 5.คดีเลขที่ 85/2561 ลงวันที่ 27/03/2561 สภ.คลองห้า จว.ปทุมธานี ข้อหาลักทรัพย์รถยนต์ ได้ออกหมายจับ จ.235/2561 ศาลจังหวัดธัญบุรี ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเคหะสถานในเวลากลางคืน โดยรวมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยทำลายสิ่งที่กันสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยแต่งเครื่องแบบตำรวจและใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป
ส่วนอีกคนชื่อ นายสถาพร เทพอารี ที่อยู่ 70/50 ม.4 ต.วัดตูม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ประวัติคดี 1.คดีเลขที่ 517/2550 ลงวันที่ 23/08/2550 สภ.อุทัย จว.พระนครศรีอยุธยา ข้อหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ 2.คดีเลขที่ 85/2561 ลงวันที่ 27/03/2561 สภ.คลองห้า จว.ปทุมธานี ข้อหาลักทรัพย์รถยนต์ ออกหมายจับ จ.236/2561 ศาลจังหวัดธัญบุรี ข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหะสถาน ในเวลากลางคืน โดยรวมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยทำลายสิ่งที่กันสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยแต่งเครื่องแบบตำรวจและใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป
ด้าน พล.ต.ต.สุรพงษ์ กล่าวว่า โดยพฤติกรรมของคนร้ายดังนี้ เมื่อวันที่ 31 ม.ค. เวลา 06.30 น. มีคนร้ายเป็นชาย 1 คน ขี่รถจักรยานยนต์ เข้ามาภายในอาคารที่พักบุคลากรของโรงพยาบาลสามโคก และได้เข้าไปลักทรัพย์ตามห้องพักต่างๆ และเข้าไปลักทรัพย์ที่ห้องพักของผู้เสียหาย ซึ่งขณะนั้นผู้เสียหายได้ออกมาเจอคนร้ายและคนร้ายได้ลงมือกระชากสร้อยคอทองคำขาดติดมือไปบางส่วน หลังจากเกิดเหตุคนร้ายได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป
ต่อมาเมื่อวันที่ 15 มี.ค. เวลา 07.00 น. มีคนร้ายเป็นชาย 1 คน ขี่รถจักรยานยนต์แต่งกาย ลักษณะคล้ายเครื่องแบบเจ้าที่ตำรวจสวมหมวกนิรภัยแบบของตำรวจสีทอง มีกล้องวงจรปิดติดอยู่บนหมวก เข้ามาลักทรัพย์ในโรงพยาบาลสามโคก โดยได้ลักทรัพย์เป็นคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กและเครื่องเล่น iPad หลังเกิดเหตุขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปตามเส้นทางถนนสายปทุม-บางปะหัน
จากนั้นเมื่อวันที่ 16 มี.ค. เวลา 06.00 น. มีคนร้าย 2 คน ใช้จักรยานยนต์ เข้าไปลักทรัพย์ภายในอาคารที่พักบุคลากรโรงพยาบาลคลองหลวง โดยคนร้ายได้ทรัพย์สินเป็นโทรศัพท์มือถือพร้อมกุญแจรถกระบะของผู้เสียหาย และลักรถกระบะ ยี่ห้อฟอร์ดเรนเจอร์ ทะเบียน 2ฒช7272 กทม. โดยใช้กุญแจที่ได้มาจากภายในห้องพักขับออกไป จนกระทั่งเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2561 เวลา 04.30 น. ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าพบรถกระบะ คันดังกล่าวจอดทิ้งไว้บริเวณใต้สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาในเขตพื้นที่อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในลักษณะที่ต้องการจะทำลายหลักฐาน
ต่อมาเมื่อวันที่ 27 มี.ค. จากการสอบสวนทำให้ทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุรายนี้ ชื่อนายพิทักษ์วงศ์ พูนผล และนายสถาพร เทพ อารี ชุดจับกุมได้จับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองตามหมายจับจากศาลปทุมธานีและศาลจังหวัดธัญบุรีนำตัวส่งพนักงานสอบสวนสภ. สามโคกและสภ. คลอง 5 ดำเนินคดี จากการตรวจสอบประวัติพบนายพิทักษ์วงศ์พูนผลคนร้ายปรากฏว่าเคยกระทำผิดมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งหลังก่อเหตุและได้เห็นจากภาพสื่อมวลชน ผู้ก่อเหตุจึงกลัวว่าจะถูกจับจึงได้เผาชุดตำรวจทิ้งเพื่อทำร้ายหลักฐาน ทั้งนี้ได้ส่งตัวผู้ก่อเหตุให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
