ป.ป.ช.บุกจับ พนักงานที่ดินกระบี่ ทุจริตออกโฉนดที่ดิน 33 แปลง เขตป่าไม้ถาวร ชี้กระทำโดยเจตนา ทั้งที่รู้ผิดกฎหมาย
วันที่ 17 ก.ย. 2567 สำนักงาน ป.ป.ช. ภายใต้การอำนวยการของนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป ช. นายสุชาติ กลวยกิตานนท์ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 8 ได้มอบหมายให้งานสืบสวนคดีทุจริตสำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 8 จับกุมนายธวัชชัย ทับทิมทอง บุคคลตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 ที่ 8/2562 ลงวันที่ 26 ธันวาคม 2562
ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด ๆ และใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ และฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 157
สืบเนื่องจากนายธวัชชัย ขณะกระทำความผิดดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานที่ดินชำนาญงาน อ.เมือง จ.กระบี่ มีหน้าที่และอำนาจสอบสวนสิทธิ ตามโครงการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดิน ปี 2548 มีอำนาจหน้าที่สอบสวนสิทธิของเจ้าของที่ดินการรับรองแนวเขตที่ดินข้างเคียง สอบสวนประวัติที่ดิน การได้มาซึ่งการครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดิน ตรวจสอบหลักฐานที่ดินเดิมสอบทานระวางกับใบไต่สวนร่วมกับเจ้าหน้าที่เดินสำรวจรังวัดทำแผนที่ เขียนใบนำทำการสำรวจ ตามระเบียบกรมที่ดินว่าด้วยการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดิน และการสอบเขตที่ดิน พ.ศ. 2543
โดยปรากฏว่า นายธวัชชัย ทราบข้อเท็จจริงดีอยู่แล้ว จากการปฏิบัติหน้าที่ของตนว่ามีโฉนดที่ดิน 33 แปลง อยู่ในเขตป่าไม้ถาวร ซึ่งต้องห้ามมิให้ออกโฉนดที่ดิน ตามมาตรา 58 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินและไม่มีการทำประโยชน์ในลักษณะที่สามารถออกโฉนดที่ดินได้ ซึ่งต้องห้ามตามข้อ 14 แห่งกฎกระทรวงฉบับที่ 43 (พ.ศ. 2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497
แต่กลับจดแจ้งข้อเท็จจริงอันเป็นเท็จว่าที่ดินอยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะออกโฉนดที่ดินได้ และไม่จดแจ้งข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุต้องห้ามมิให้ออกโฉนดที่ดิน และรายงานข้อเท็จจริงนำเสนอผู้บังคับบัญชา จนมีการออกโฉนดที่ดินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย 33 แปลง การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการกระทำโดยมีเจตนาเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ที่ดินของรัฐ และเป็นเจตนาเพื่อให้ผู้อื่นได้ไปซึ่งที่ดินของรัฐโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
จากการสืบสวนทราบว่า นายธวัชชัย อาศัยอยู่ในพื้นที่ต.สามตำบล อ.จุฬาภรณ์ จ.นครศรีธรรมราช จึงติดตามและดำเนินการจับกุมตามขั้นตอนของกฎหมาย แล้วนำตัวส่งไปยังพนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 8 เพื่อฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 ต่อไป