สาวร้องสูญเงินเกือบ 40 ล้าน ถูกทนายดัง ร่วมกับผู้ใหญ่บ้าน ทหารเรือ หลอกขายที่ดินทรงสงวนเขากระทิง ซ้ำปลอมแปลงเอกสารตราครุฑรับรองให้ด้วย
จากกรณีที่ อำเภอสัตหีบ นำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบที่ดินบนเขากระทิง หมู่ 6 ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อหาข้อเท็จจริง หลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่า มีกลุ่มคนมีสี ร่วมมือกับผู้อ้างสิทธิครอบครองที่ดินบริเวณพื้นที่โดยรอบเขากระทิง บุกรุกพื้นที่เกือบ 100 ไร่ เพื่อขายให้กับ น.ส.ลำไย ซ่อมแก้ว ซึ่งเป็นภรรยาของชาวต่างชาติ โดยมีผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ต.บางเสร่ เป็นผู้ออกเอกสารตราครุฑ รับรองการครอบครองใช้ประโยชน์ที่ดิน 2 ฉบับ รวม 95 ไร่ เมื่อวันที่ 21 พ.ย.66 จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงลงพื้นที่ตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นจริงตามร้องเรียน จึงเข้าแจ้งความที่ สภ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษ น.ส.ลำไย และพวก รวม 5 คน
ล่าสุดวันที่ 3 ธ.ค.67 น.ส.ลำไย พร้อมทนายความส่วนตัว ตั้งโต๊ะแถลงข่าวที่ สภ.สัตหีบ ระบุว่าเมื่อวันที่ 25 ก.ค.67 ตนได้ไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.สัตหีบ เพื่อให้ดำเนินคดีกับกลุ่มข้าราชการผู้ใหญ่บ้าน และทนายความกับพวก นายทหารเรือ ในฐานความผิดร่วมกันฉ้อโกง โดยกลุ่มผู้ต้องหาได้ชักชวนและหลอกลวงให้ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินหลังหมู่บ้านบุรารัญ เชิงเขากระทิง ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยกลุ่มดังกล่าวยืนยันว่าที่ดินดังกล่าว เป็นที่ดินที่มีผู้ครอบครองใช้ประโยชน์ในที่ดินมานานแล้ว สามารถซื้อขายสิทธิและออกเอกสารสิทธิการครอบครองได้
โดยมีเจ้าหน้าที่ของรัฐออกหนังสือตราครุฑของทางราชการรับรองการครอบครองการใช้ประโยชน์ในที่ดิน เป็นผู้มีความรู้ทางด้านกฎหมายมารับรอง และรับดำเนินการเกี่ยวกับการติดต่อเจ้าหน้าที่ที่ดินมารังวัดแนวเขต รวมถึงติดต่อขอออกโฉนดที่ดินเฉพาะรายให้ และจะมีเจ้าหน้าที่ที่ดินมาทำการตรวจสอบและรังวัดแนวเขตที่ดินให้
ตนจึงหลงเชื่อเข้าทำสัญญาซื้อขายที่ดินดังกล่าว โดยครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.65 ได้ตกลงทำสัญญาซื้อขายที่ดินและจ่ายเงินครั้งแรกจำนวน 5 แปลง จากผู้ครอบครองใช้ประโยชน์ที่ดินเดิมและที่ดินของกลุ่มนั้น จำนวน 3 ราย เป็นเงิน 3,300,000 บาท หลังจากนั้น จนถึงช่วงเดือน ม.ค.66 ได้นำที่ดินบริเวณดังกล่าว ที่อ้างว่าเป็นของตนเองหรือบุคคลอื่นมาหลอกขายและทำสัญญาจะซื้อจะชายที่ดิน และสัญญาซื้อขายที่ดินและจ่ายเงินค่าที่ดินไปอีกหลายครั้ง รวม 17 สัญญา เป็นเงินทั้งสิ้น 29 ล้านบาทเศษ ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายที่กลุ่มผู้ต้องหากับพวกหลอกลวงว่าจะนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการรังวัดที่ดิน การดำเนินการขอออกเอกสารสิทธิ และดำเนินการอื่นๆ เกี่ยวกับที่ดินอีกประมาณ 7 – 8 ล้านบาทอีกด้วย
นางลำไย กล่าวต่อว่า หลังจากซื้อที่ดินแล้ว ตนได้พาญาติๆ เข้ามาทำการเกษตรและใช้ประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวบางส่วน ต่อมาเมื่อวันที่ 10 พ.ค.67 ตนกับพวกรวม 5 คน ได้ถูกพนักงานสอบสวน สภ.สัตหีบ แจ้งข้อกล่าวหา ในความผิดฐาน ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วย ประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า และไม่มีเจตนาเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และฐานความผิดอื่นรวม 4 ข้อหา โดยมีหน่วยป้องกันรักษาป่า ที่ ชบ.1 (บางละมุง) และฐานทัพเรือสัตหีบ เป็นผู้กล่าวโทษ ซึ่งตนกับพวกมิได้มีเจตนากระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา แต่ถูก 3 คน ได้แก่ทนาย ผู้ใหญ่บ้าน และทหารเรือหลอกลวงนำที่ดินมาขายให้กับตนและสามี โดยปลอมแปลงเอกสารที่ใช้ในการขายที่ดิน กลับไม่ถูกดำเนินคดีอาญาด้วย
นอกจากนี้ ยังพบว่ากลุ่มพวกนี้ได้นำที่ดินบริเวณใกล้เคียงไปขายให้กับบุคคลอื่นอีกหลายราย และมีการแจ้งความหรือลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.สัตหีบ ไว้แล้ว ตนจึงได้ร้องขอความเป็นธรรม และเข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีกับกลุ่มคนพวกนี้ ในลักษณะเป็นการฉ้อโกงเป็นปกติธุระ เข้าข่ายผิดกฎหมายฟอกเงิน ตนกับสามีได้รวบรวมหลักฐานเพื่อไปร้องขอความเป็นธรรมและดำเนินคดีกับกลุ่มข้าราชการและทนายต่อสำนักงาน ป.ป.ง. ในความผิดฐานฟอกเงินต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดวันนี้ (3 ธ.ค.) พนักงานสอบสวน สภ.สัตหีบ ได้ออกหมายเรียกผู้ใหญ่บ้าน และทนายความดังสัตหีบ มาพิมพ์ลายนิ้วมือรับทราบข้อกล่าวหา ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง, ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม ส่วนในวันพรุ่งนี้ (4 ธ.ค.) ทหารเรือ จะเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา ก่อนจะรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป