จับ 2 คนไทย ขนต่างด้าว ขับแอคคอร์ดนำทาง ปาเจโร่ซุกแรงงาน 10 คน ไปส่งมาเลเซีย เผยถึงปลายทางจะได้ค่านายหน้า หัวละ 1.2 แสนบาท
วันที่ 25 ม.ค. 2568 พ.ต.อ.ชนกฤดิ พงษ์ศิริ ผกก.7 บก.ทล. ร.ต.อ.อนุวัฒน์ ณ ปัตตานี รอง สว.ส.ทล.5 ช่วยราชการ ส.ทล.3 กก.7 บก.ทล. เจ้าพนักงานตำรวจ ตม.จ.สงขลาตำรวจทางหลวง สถานีตำรวจทางหลวง 3 กองกำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ร่วมกับชุดสืบสวน ตม.สงขลา สกัดจับรถขนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง 2 คัน
พบเป็นรถยนต์เก๋งฮอนด้า แอคคอร์ด สีน้ำตาล ทะเบียน กต 9509 ปัตตานี ซึ่งเป็นรถนำทาง และรถยนเอนกประสงค์ มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สีทำทะเบียน ทะเบียน กต 2294 ปัตตานี ซึ่งเป็นรถขนแรงงานต่างด้าวจากพื้นที่ จ.สงขลา ปลายทาง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยสกัดจับได้บริเวณถนนหน้าโรงเรียนบ้านตลิ่งชัน หมู่ 2 ต.ตลิ่งชัน อ.จะนะ จ.สงขลา
รถเก๋งซึ่งเป็นรถนำทาง มีนายดลจรัส อายุ 44 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราช เป็นคนขับ ส่วนรถปาเจโร่ ซึ่งเป็นรถที่ขนแรงานต่างด้าว มีนายนุรฮาซัน อายุ 30 ปี ชาว จ.ปัตตานี เป็นคนขับ ภายในรถพบแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมานั่งอัดกันมา 10 คน เป็นชาย 7 คน หญิง 3 คน ทั้งหมดหลบหนีเข้าเมือง ไม่มีหนังสือเดินทาง
จากการสอบถามคนไทยทั้ง 2 คน ที่เป็นผู้นำพา ให้การว่า ไปรับคนต่างด้าวกลุ่มนี้มาจากริมถนนในพื้นที่ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา จะพาไปส่งที่ริมถนนหมายเลข 43 ต.ปูยุด อ.เมืองปัตตานี โดยจะมีรถยนต์มารับช่วงต่อ มีนายนิง หรือแบนิง ไม่ทราบชื่อสกุลจริง ชาว จ.ปัตตานี เป็นผู้ว่าจ้าง ได้รับค่าจ้างครั้งละประมาณ 1,500-2,000 บาท ทำมาแล้ว 2 ครั้ง
บุคคลต่างด้าวทั้งหมดให้การตรงกันว่า ไม่มีหนังสือเดินทางหลบหนีเข้ามา ต้องการเดินทางไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย จึงติดต่อนายหน้าชาวเมียนมาในประเทศมาเลเซียให้ช่วยว่าจ้างนายหน้าชาวไทยพาเดินทางเข้าไปทำงานในประเทศมาเลเซีย เป็นเงินประมาณ 5,800,000 จ๊าด หรือประมาณ 120,000 บาทต่อคน โดยจะจ่ายค่าเดินทางทั้งหมดเมื่อถึงปลายทาง ส่วนใหญ่เดินทางมาจากรัฐย่างกุ้ง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 วัน
เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหากับคนไทยทั้ง 2 คน ฐาน “ให้ที่พักพิง ซ่อนเร้น ให้การช่วยเหลือด้วยประการใด ๆ แก่คนต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย เพื่อให้พ้นจากการจับกุมของพนักงานเจ้าหน้าที่ มีความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522”
ส่วนคนต่างด้าวถูกแจ้งข้อหา “เป็นคนต่างด้าอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522” นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
