เจ้าของร้านแจงเหตุฟิวส์ขาด ด่ากราด หลังตำรวจบุกจับกลุ่ม ส.อบจ.เลี้ยงสังสรรค์ พกปืนเข้ามาในร้าน ขอโทษสังคม เห็นโดนปืนจี้เต็มห้อง
วันที่ 7 ก.พ.68 จากกรณีชุดปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจปราจีนบุรี (นปพ.) บุกจับอาวุธปืนในงานเลี้ยงกลุ่ม ส.อบจ.ปราจีนบุรี พร้อมรองอุ๊ อดีตรองนายก อบจ.ปราจีนบุรี รวมกว่า 20 คน ขณะกินเลี้ยงสังสรรค์หลังเลือกตั้งและเตรียมสรรหาประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี (ส.อบจ.) ตรวจยึดปืน 6 กระบอก ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น อ่านข่าว นำกำลังจู่โจมปิดล้อมค้น “รองอุ๊ ปราจีน”-ส.อบจ.กว่า 20 คนกลางร้านอาหาร เจอปืน6กระบอก
ความคืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวเดินทางมาที่ร้านอาหารดังกล่าว เพื่อพบกับ นายสมบัติ สิทธิมงคล อายุ 56 ปี อดีต ส.อบจ.เจ้าของร้าน ซึ่ง นายสมบัติ กล่าวว่า ทางร้านได้รับการแจ้งว่ามีคณะ สจ.ปราจีนบุรี ทั้งเก่าและใหม่ที่ได้รับการเลือกตั้ง นัดกินเลี้ยงแสดงความยินดีและทำความรู้จักกัน จึงปิดร้านต้อนรับคณะนี้คณะเดียว ไม่ได้รับลูกค้าอื่น
โดยคณะมาถึงตั้งแต่เที่ยง ตนได้มาช่วยเดินอาหารด้วย เนื่องจากเด็กทางร้านมีน้อย สักครู่เด็กมาบอกให้ช่วยต่อไมค์ในห้องจัดเลี้ยง แต่สักพักเด็กในร้านวิ่งมาบอกว่าตำรวจมา ตนเปิดประตูเจอตำรวจใช้ปืนจี้ให้นั่งลง มองกวาดไปพบคณะ ส.อบจ.โดนปืนจี้เต็มห้อง พบลูกสะใภ้ตั้งท้องอ่อนๆ หน้าตาตื่นตระหนก ยืนตะลึงโดนปืนจี้
ในฐานะเจ้าของร้านจึงถามตำรวจว่า การตรวจค้นมีหมายหรือไม่ ตำรวจบอกว่า เนื่องจากร้านอาหารเป็นสถานที่สาธารณะ ไม่ต้องมีหมายเพราะเป็นพื้นที่สาธารณะ เราก็เข้าใจ
แต่ด้วยความเป็นพ่อที่เห็นภาพแบบนั้น ทุกคนโดนกระทำแบบนั้น อารมณ์ขึ้นมาขาดสติ ในฐานะของความเป็นพ่อและเจ้าของร้าน รับไม่ได้ที่ลูกถูกปืนจี้ ร้านตนลูกค้าก็น้อยอยู่แล้ว ตั้งแต่โควิดเรื่อยมาถึงปัจจุบัน เราดีใจที่จะมีลูกค้ามาอุดหนุน เมื่อเหตุการณ์แบบนี้จึงอยากขอโทษสังคม ขอโทษคอมเมนต์ พอเห็นเหตุการณ์ประดังเข้ามาก็ผิดหวัง มองทะลุกระจกก็เห็นตำรวจเต็มไปหมด ลูกค้าที่ไหนจะเข้า มองเห็นลูกเป็นอย่างนั้นความเป็นพ่อมันก็เลยหลุด ขาดสติด้วยสัญชาตญาณความเป็นพ่อ
จริงๆ แล้วตำรวจทำไม่ถูกต้อง ควรเห็นอกเห็นใจผู้ประกอบการสักนิดว่าเรากำลังแย่ ตำรวจว่า ตำรวจปฏิบัติงานต้องมีวิธีการที่จะไม่ให้ผลกระทบกับผู้ประกอบการ หากมีการข่าวแจ้งว่ามีผู้ต้องสงสัยนำพาอาวุธปืนเข้ามาในร้าน ควรมีวิธีการที่ดีกว่านี้หรือไม่ อาทิ วิธีการละมุนละม่อมประกบเป้าหมายนอกร้าน หรือตามรถด้านนอก เป็นต้น
