สามล้อถูก 18 ล้อชนพังยับ หญิงคนขับเจ็บสาหัส เวทนาลูก 9 ขวบต้องหยุดเรียน 2 อาทิตย์มาดูแล แถมพ่อก็ตาบอด ช้ำตำรวจบอกให้พูดว่าขับรถล้มเอง ไปดูบันทึกประจำวันยิ่งช็อกกว่าเดิม
วันที่ 13 ก.พ.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ข้อความว่า “เหตุเกิดวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ เวลา 5:30 น. น้าขับรถไปหาของเก่า เลยปตท.ร้านลุงโทนี่ ถูกรถ 18 ล้อ ชนตรงสะพาน แล้วหลบหนี ซึ่งเวลาผ่านมาแล้ว 8 วัน ยังไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาช่วยเหลือเลย น้าทำงานเลี้ยงครอบครัวคนเดียว มีลูก 1 คน สามีตาบอดอีก 1 คน น้าเป็นเสาหลักของครอบครัว อาการของน้าตอนนี้ ขาหัก 1 ข้าง เลยอยากขอร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยตามเรื่องให้น้าที เพราะตอนนี้ยังจับคนขับรถบรรทุก18ล้อไม่ได้เลย แล้วน้าก็ลำบาก รถที่ทำมาหากินก็โดนชนพัง – ที่โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ ผู้ใหญ่ใจดีที่จะเข้ามาช่วยเหลือติดต่อได้ 062927772 บ้านอยู่แถวป่าม่วง อ.เมือง ต.สะเดียง”
ต่อมาผู้สื่อข่าวติดต่อไปยังเจ้าของโพสต์ ทราบชื่อคือ น.ส.สุพัตรา มะคธ อายุ 23 ปี ซึ่งเป็นน้องสาวผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ เปิดเผยว่า พี่สาวตนมีอาชีพขับรถสามล้อพ่วงข้างเก็บของเก่าขาย โดยเฉพาะวันจันทร์กับวันศุกร์จะต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 เพื่อที่จะขับรถไปเก็บของเก่าที่ที่ทิ้งขยะหลังเทศบาลตำบลนางั่ว ระยะทางจากบ้านไปที่ที่ทิ้งขยะประมาณ 10 กิโลเมตร
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 05.30 น.วันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา ขณะที่พี่สาวขับรถไปตามถนนสระบุรี-หล่มสัก ถึงสะพานบ้านนา ต.นางั่ว ก็ถูกรถพ่วง 18 ล้อ เฉี่ยวชนจนรถพังเสียหายยับเยิน ส่วนพี่สาวก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส โชคดีที่ลูกสาววัย 9 ขวบที่นอนหลับอยู่บนรถได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ต่อมาเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้นำส่ง รพ.เพชรบูรณ์ พบว่าขาขวาเนื้อฉีกขาดออกไปจนเห็นกระดูก และขณะนี้ก็ติดเชื้อ ต้องเข้ารับการผ่าตัดแล้วหลายครั้ง
น.ส.สุพัตรา กล่าวอีกว่า เมื่อตนไปขอบันทึกประจำวันและพูดคุยกับตำรวจ สภ.ท่าพล กลับกลายเป็นว่าพี่สาวตนขับรถล้มเอง จึงทำให้ตนและพี่สาวงงเป็นอย่างมาก และยิ่งได้ไปเห็นสภาพของรถของพี่สาวแล้วยิ่งมั่นใจว่าถูกเฉี่ยวชนอย่างแน่นอน เพราะพังเสียหายเป็นอย่างมาก อีกอย่างพี่สาวเป็นคนที่ขับรถช้า ตนก็เคยนั่งรถไปเก็บของเก่ากับพี่สาว จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะขับล้มเองและได้พังยับเยินขนาดนั้น จึงได้มาร้องเรียนต่อสื่อมวลชนเนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะครอบครัวพี่สาวก็หาเช้ากินค่ำและเป็นเสาหลักของครอบครัว สามีก็ตาบอดทั้ง 2 ข้าง และมีลูกสาว 2 คนวัย 6 ขวบและ 9 ขวบ ซึ่งในขณะนี้ลูกสาววัย 9 ขวบ กำลังเรียนอยู่ชั้น ป.4 ก็ต้องขาดเรียนมาดูแลแม่ถึง 2 อาทิตย์แล้ว ส่วนสามีที่อยู่บ้านก็ต้องอาศัยญาติๆ นำอาหารมาให้กินทุกวัน
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์พูดคุยกับ น.ส.จิราพร คุมไพรินทร์ อายุ 51 ปี ผู้ได้รับบาดเจ็บ ได้เล่าว่า วันเกิดเหตุตนขับรถออกจากบ้านตั้งแต่ตี 5 โดยให้ลูกสาวนอนหลับมาในกระบะพ่วงข้าง เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้มีรถบรรทุกเฉี่ยวจนเสียหลักพลิกคว่ำ ขณะที่รถพลิกคว่ำตนจำได้เพียงว่ารถที่เฉี่ยวชนเป็นรถพ่วงคลุมด้วยผ้าใบสีดำ
หลังเกิดเหตุตำรวจได้มาสอบสวนที่โรงพยาบาลและพยายามให้ตนพูดว่าขับรถล้มเอง ซึ่งตนก็ยืนยันว่าถูกเฉี่ยวชน และยิ่งเมื่อน้องสาวมาบอกว่าตำรวจได้บันทึกว่าตนขับรถล้มเองนั้น ทำให้ตนผิดหวังและเสียใจเป็นอย่างมาก จึงอยากขอความเป็นธรรมในเหตุการณ์ครั้งนี้