โจรบุกบ้านกลางวันแสกๆ นึกว่าไม่มีคนอยู่ จ๊ะเอ๋เต็มๆ ง้างเหล็กจะแทง ลากเข้าห้องน้ำหวังขืนใจ สาวใหญ่ตั้งสติเอาตัวรอดมาได้ ตร.ตามจับได้ เผยครั้งที่ 3 แล้ว ตัดใจขายบ้านทิ้ง
จากกรณีคลิปภาพของ คุณลลิตา มาลินันท์ ที่โพสต์ลงโซเชียลขอความร่วมมือแจ้งเบาะแสคนร้ายปีนเข้าบ้าน หลังวิทยาลัยละโว้ ลพบุรี ซึ่งในคลิป คนร้าย 1 ราย ถือเหล็กปลายแหลม เข้ามาทางหลังบ้านงัดประตูเผชิญหน้ากับแม่ ต่อสู้ขัดขืนกันสักพัก แม่ร้องให้คนช่วยเสียงดังลั่น ก่อนที่โจรจะลากตัวแม่เข้าบ้าน เจรจาต่อรอง อ้อนวอนขอชีวิต สุดท้ายโจรปล่อยตัว รอดจากการถูกลวนลามหวุดหวิด คนร้ายได้เงินและโทรศัพท์มือถือไป แถมครั้งนี้ยังเป็นครั้งที่ 3 ล่าสุดตำรวจไล่ล่าติดตามตัวได้แล้ว พบประวัติพัวพันยาเสพติด ลูกหลานไม่ทนประกาศขายบ้านทิ้งหนีโจร
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา คนร้ายปีนเข้ามาในบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งล้อมรอบด้วยบ้านร้าง ภายในซอยศรีละโว้ 3 ต.เขาสามยอด อ.เมือง จ.ลพบุรี ซึ่งเป็นบ้านของ นางวาสนา อายุ 57 ปี คนร้ายได้ใช้เหล็กแหลมงัดประตูจนเปิดแง้มก่อนกระชากจนกลอนประตูหลุด เดินเข้าบ้านเผชิญหน้ากับเจ้าของบ้าน โดยมีเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากเจ้าของบ้านดังลั่น
ก่อนที่โจรจะลากตัวเข้าไปในบ้านประกาศห้ามส่งเสียง แล้วเงื้อเหล็กแหลมทำท่าจะจ้วงแทง จนเหยื่อต้องยอม ปล่อยให้โจรค้นหาสิ่งของที่ต้องการ จากนั้นยังพยายามจะลากตัวเหยื่อเข้าห้องน้ำ โดยมีเสียงร้องขอ อ้อนวอน อย่าทำอะไร อยากได้อะไรก็ขนเอาไปเลย สุดท้ายคนร้ายได้เงินสดไปจำนวนหนึ่ง พร้อมโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 18 มี.ค.68 นางวาสนา ได้เข้าพบ พ.ต.ท.สราวุธ มหาชัย สารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองลพบุรี เจ้าของคดี หลังตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองลพบุรี จับตัว นายบริรักษ์ หรือนก อายุ 30 ปี ได้ที่บ้านพักใน ต.เขาสามยอด อ.เมือง จ.ลพบุรี เบื้องต้น นายบริรักษ์ รับสารภาพว่า ตนได้เข้าไปลักทรัพย์ในบ้านหลังดังกล่าวจริง ตนทำงานเป็นลูกจ้างร้านหมูกระทะบริเวณใกล้ที่เกิดเหตุ ซึ่งได้แอบดูความเคลื่อนไหวในซอยดังกล่าว เป็นซอยเงียบสงบไม่ค่อยมีคนอยู่บ้าน และมีบ้านร้างหลายหลัง
อาศัยจังหวะปลอดคนปีนเข้าเพื่อลักของ โดยไม่คิดว่ามีเจ้าของอยู่ ตำรวจได้ตรวจสอบประวัติพบพัวพันคดียาเสพติด ตรวจปัสสาวะพบมีสารเสพติด นอกจากนี้ นายบริรักษ์ ยังขอให้ปล่อยตัว มีภาระต้องเลี้ยงดูครอบครัว และมีลูกเล็กจนเหยื่อใจอ่อนไม่เอาความ แต่ด้านคดีซึ่งไม่สามารถยอมความได้ตำรวจแจ้งข้อหาชิงทรัพย์ และเสพยาเสพติด
นางวาสนา กล่าวว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่บ้านตนถูกโจรกรรม ครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน โจรขนของเกลี้ยงบ้าน ครั้งที่ 2 เมื่อกลางเดือน ก.พ.ที่ผ่านมาโจรกวาดทรัพย์สินไปได้หลายรายการ แจ้งความแต่ตำรวจไม่สามารถจับคนร้ายได้ จนล่าสุดต้องเผชิญกับโจรจริงๆ กลัวจนจิตตกแล้ว คิดว่าคราวนี้คงไม่รอดแน่ ทำใจดีสู้เสือ พูดให้โจรมันผ่อนคลาย อยากได้อะไรก็ขนเอาไป ขออย่าทำร้ายอย่าทำอนาจารตน
จนโจรใจอ่อน ยอมปล่อยตนเป็นอิสระในบ้านตัวเอง ต้องตั้งสติอยู่นานกว่าจะเรียกสติกลับคืนมาได้ สุดท้าย นางวาสนา ได้กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ น้ำตาคลอว่า บ้านหลังนี้ซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของครอบครัว รักและเสียดายมาก จำเป็นต้องตัดใจหนีแล้ว จำเป็นต้องประกาศขายเพื่อหนีจากโจร และเพื่อให้รอดพ้นจากอันตรายรอบด้าน