น้ำตาท่วมป่าช้า สุดเศร้านำ 5 ร่างเข้าเบ้าฝังศพ เหตุรถชนบนมอเตอร์เวย์ดับ 8 ศพ หนุ่มกู้ภัยขนลุก วิญญาณน้องผู้หญิงไปหา ลุงทองเลื่อม สะเทือนใจบอกลาคู่ชีวิต เผยยอดเงินเยียวยาที่จะได้รับ
ที่จ.อุดรธานี ญาติและชาวบ้านร่วมงานศพ 5 ชีวิตถูกรถพ่วงชนดับแน่นวัด บรรยากาศสุดเศร้า นำ 5 ร่างเข้าเบ้าฝังศพ ร้องไห้แทบขาดใจบอกลาเป็นครั้งสุดท้าย นายทองเลื่อนรดน้ำลูก หลานและภรรยาครั้งสุดท้ายบอก สักวันข้อยสิไปหาเจ้า ลุงเข่าอ่อนกู้ภัยต้องช่วยพยุง ด้านหนุ่มกู้ภัยเล่าเรื่องหลอนน้องไปหาคืนวันที่ศพมาถึงวัด ขณะที่มีการเยียวยาจากตามสิทธิ พรบ.ฝ่ายผู้เสียชีวิตและฝ่ายคู่กรณีทั้ง 5 ชีวิตเป็นเงิน 11 ล้านบาทเศษ
วันที่ 28 เม.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดโพธิ์ชัยดอนแตง บ้านเหล่าดอนแตง ต.นาข่า อ.เมือง จ.อุดรธานี ได้มีพิธีฌาปนกิจผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุถูกรถพ่วงชนบนมอเตอร์เวย์ สาย 7 ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 23+500 ขาออก มุ่งหน้าบ้านฉาง จ.ชลบุรี เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. วันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 ราย
โดยที่ จ.อุดรธานี ได้นำร่างมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด จำนวน 5 ราย ประกอบไปด้วย น.ส.อริญญา อ่อนตาผา, ด.ช.พรรพล แจ่มกระจ่าง, น.ส.การตรัตน์ ภูมิเจิม, นางหมุน อ่อนตาผา, นายอภิวัฒน์ แจ่มกระจ่าง ก่อนนำร่างทั้งผู้เสียชีวิตทั้ง 5 รายเข้าเบ้าปูน นายทองเลื่อน อ่อนตาผา อายุ 67 ปี พร้อมลูกชาย 2 คน และชาวบ้าน ร่วมกันทำพิธีบังสุกุลอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิตทั้ง 5 รายและมีการวางทรายหน้าโลงศพ
โดยในช่วงพิธีการ ญาตินิมนต์พระสงฆ์มา 8 รูป เพื่อประกอบพิธีฯ โดยได้รับเกียรติจาก นายสรวุฒิ ปาลวัตร หน.สนง.ปภ.จ.อุดรธานี นายชวิส ป้องขันธ์ นายอำเภอเมืองอุดรธานี นำเจ้าหน้าที่ฯ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง นักจิตวิทยาของกระทรวงสาธารณสุข อปถ. ผู้นำชุมชน ประชาชน ร่วมพิธีจนเต็มวัด ท่ามกลางความโศกเศร้า
จากนั้น นายสรวุฒิ ประธานฯ ได้จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย สมาทานศีล ต่อมาพระสงฆ์สวดมาติกาบังสุกุล แล้วเสร็จ แขกผู้มีเกียรติทั้ง 8 คน ได้ถวายปัจจัยให้พระสงฆ์ พระสงฆ์ให้พร เสร็จพิธีสงฆ์ ต่อด้วยการมอบเงินจากองค์การต่างๆ ให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต และประกอบพิธีวางทรายเพื่อเป็นการแสดงความไว้อาลัย ก่อนเคลื่อนย้ายศพจากศาลาไปยังป่าช้าชุมชนเพื่อนำเก็บเข้าเบ้าไว้เป็นเวลา 3 ปี ค่อยนำออกมาเผา ซึ่งตลอดพิธีการนักจิตวิทยาของกระทรวงสาธารณสุขคอยดูแลให้กำลังใจญาติๆ อย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ระหว่างพระสงฆ์สวด์มาติกาบังสุกุล มี นายอนุรักษ์ บัวมาก อายุ 32 ปี อาสาสมัครกู้ภัยฯ และพนักงานเครื่องใช้ไฟฟ้า เดินหน้าตาตื่นมาบอกกับญาติๆ ว่าผมขอจุดธูปต่อหน้าโลงศพ น.ส.กานตรัตน์ หรือเอิร์น ได้ไหม นักข่าวจึงเข้าไปสอบถามและรู้ว่าที่มาจุดธูปเพราะรู้สึกได้ว่าวิญญาณน้องไปหา ย้อนกลับไปวันที่ศพมาถึงวัด วันนั้นตนมาช่วยประสานงานเรื่องขบวนศพ
ช่วงขั้นตอนการนำศพเข้าโลงเย็น ศพน้องผู้หญิง ชื่อเอิร์น ตนกับทีมงานพยายามนำเข้าโลงเย็นเอาเข้ายังไงก็เอาเข้าไม่ได้ ตนจึงพูดออกมาว่าอย่าดื้อนะ ให้พี่ทำงานได้สะดวก จากนั้นก็เอาศพเข้าโลงเย็นได้อย่างง่ายดาย พอเสร็จงานคืนนั้นเหนื่อยจึงกับบ้านไปนอน ก่อนนอนรู้สึกเหมือนน้องตามไปส่งที่บ้านโดยได้กลิ่นเป็นระยะๆ ในใจก็คิดว่า ถ้าหากจะมาส่งก็มาส่งดีๆ หลังจากพูดจบกลิ่นนั้นก็ได้หายไป ซึ่งตอนที่ตนมาช่วยงานตอนนั้นตนก็ไม่ได้จุดธูปบอกกล่าวอะไร และวันนี้จึงกลับมาจุดธูปบอก ส่วนตัวก็ไม่ได้กลัวอะไร
ขณะที่บรรยากาศระหว่างเคลื่อนร่างไปที่ป่าช้าวัด มีน้องๆ อายุตั้งแต่ 7-10 ปี ทั้งผู้ชายผู้หญิงเดินร้องไห้ด้วยความเสียใจ โดยน้องๆ บอกว่ากับนักข่าวว่า วันนี้ตนพร้อมเพื่อนมาส่งพี่เติ้ลเป็นครั้งสุดท้าย ตอนพี่เติ้ลยังมีชีวิตอยู่พี่เติ้ลเป็นคนดี หากพี่เติ้ลรับรู้อยากบอกว่าคิดถึงพี่เติ้ล พี่เติ้ลเป็นคนดีครับ
เมื่อศพทั้ง 5 รายเคลื่อนมาถึงป่าช้ากู้ภัยฯ ได้นำร่างทั้ง 5 วางเรียงกันที่ปากเบ้าปูนก่อนประดับตกแต่งดอกไม้เพื่อความเรียบร้อย และให้ญาติได้รดน้ำศพเพื่อขออโหสิกรรมกับผู้เสียชีวิต ขณะที่นายทองเลื่อน ได้รดน้ำศพของภรรยาได้พูดกับศพว่าด้วยภาษาอิสานว่า ต่างคนต่างไปเด้อสักวันข่อยสิไปหาเจ้า แล้ว นายทองเลื่อน ก็ร้องไห้ออกมา
ส่วนศพของ ด.ช.พชรพล หรือเติ้ล นายทองเลื่อน ก็ร้องไห้เสียใจและพูดว่าน้องเติ้ลหลานตา บักหล้าเอ๋ย มาขึ้นนอนกับตาตลอด จนเจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องพยุงลุงทองเลื่อนออกมา โดยบรรยากาศที่ป่าช้าช่วงนำร่างทั้ง 5 เข้าเบ้าปูนบรรยากาศเป็นไปอย่างสุดเศร้าทุกคนร้องไห้ระงมทั้งป่าช้าและสงสาร นายทองเลื่อนที่ต้องมาสูญเสียคนที่เป็นรักทั้งครอบครัว เมีย ลูกและหลานๆ
ขณะเดียวกันด้านการช่วยเหลือและเยียวยาทายาทผู้เสียชีวิต เบื้องต้นตามสิทธิ พรบ.ของฝ่ายผู้เสียชีวิตและการเยียวยาสินไหมจากฝ่ายคู่กรณี พรบ.กรมธรรม์ที่ 1,2,และประกันรถ ป.3 ทายาทของผู้เสียชีวิตทั้ง 5 รายจะได้รับรวมแล้ว จำนวน 11,270,000 บาท