เมื่อวันที่ 26 เม.ย. เดลี่เมล์ รายงานการตัดสินคดี น.ส.จูลี่ เบอร์เน็ต วัย 49 ปี ที่นำเข้าลูกสุนัขพันธุ์เยอรมัน เชพเพิร์ด รวม 25 ตัว จากยุโรปมาเพาะเลี้ยง แต่ปล่อยให้หิวตายจนต้องกินกันเอง ว่า ศาลตัดสินจำคุกน.ส.เบอร์เน็ตเป็นเวลา 1 ปี ในข้อหาทารุณสัตว์ 11 กระทง

 

ศาลมีคำตัดสินเมื่อวันที่ 24 เม.ย. หลังจากน.ส.เบอร์เน็ตถูกจับกุม เมื่อเก็บสุนัขตัวหนึ่งไว้ในกระโปรงท้ายรถยนต์ ในอุณหภูมิต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส และยังพบสัตว์อีก 14 ตัว รวมทั้งม้าแก่ 2 ตัว ในสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ ในรัฐมิสซูรี สหรัฐอเมริกา

 

ก่อนหน้านี้ น.ส.เบอร์เน็ตเคยถูกจับกุมครั้งแรกเมื่อปี 2558 ในข้อหาทารุณสัตว์ 11 กระทง หลังจากนำสุนัขพันธุ์เยอรมัน เชพเพิร์ด 11 ตัวมาเพาะเลี้ยง แต่ปล่อยให้หิวตายจนกินกันเองเช่นกัน โดยมีพยานเห็นสุนัขตัวหนึ่งคาบหัวสุนัขตัวอื่นอยู่ในปาก จนนำไปสู่การจับกุม

อย่างไรก็ตาม น.ส.เบอร์เน็ตได้หลบหนีโทษจำคุก และย้ายออกจากรัฐแคนซัส ไปอาศัยยังรัฐมิสซูรี แต่ก็ถูกตำรวจจับกุมในเวลาต่อมา พร้อมกับสุนัขตัวหนึ่งในรถยนต์

น.ส.เบอร์เน็ตถูกตัดสินให้ควบคุมประพฤติก่อนหน้านี้ แต่ศาลตัดสินแก้คำพิพากษาให้จำคุก 1 ปี ตามคำสั่งของอัยการที่ระบุว่า การเลี้ยงดูสัตว์อย่างเลวร้ายสมควรได้รับโทษจำคุก

น.ส.เบอร์เน็ตได้เปิดเพจเฟซบุ๊กในชื่อ จูลี่ คาเบอร์เน็ต เพื่อทำการตลาดธุรกิจเพาะเลี้ยงสุนัข โดยซื้อสุนัขเพื่อขายให้กับชาวบ้านในพื้นที่ แต่ธุรกิจของเธอไม่ประสบความสำเร็จ และมีการตัดกระแสไฟฟ้าสถานที่เพาะเลี้ยงสุนัข จนสุนัขถูกทอดทิ้งไว้โดยปริยาย

ด้านนายมาริส เออวิง ผู้อาศัยอยู่ในละแวกใกล้เคียง ในรัฐแคนซัส เผยว่าได้ช่วยสุนัขออกมา หลังน.ส.เบอร์เน็ตถูกตำรวจจับกุมเป็นครั้งที่สอง

“ลูกสุนัขดูขาดสารอาหารและมีหนอนขึ้น ผมสังเกตบนเพจเฟซบุ๊กของน.ส.เบอร์เน็ตมาตั้งแต่ปี 2554 แล้ว พบว่าหากใครคอมเมนต์ถามเรื่องการเพาะเลี้ยงสัตว์ของเธอ จะถูกลบข้อความทิ้งทันที”

นายเออวิงเผยความวิตกกังวลเรื่องดังกล่าวผ่านทางเฟซบุ๊กว่า ตนอาศัยอยู่ห่างจากบ้านของน.ส.เบอร์เน็ต โดยใช้เวลาเดินทางราว 10 นาที และเคยขอเข้าไปเยี่ยมสถานที่และดูการเพาะเลี้ยงสุนัข แต่น.ส.เบอร์เน็ตก็ปฏิเสธ โดยอ้างว่าเป็นสถานที่ส่วนตัว และไม่ต้อนรับบุคคลภายนอกให้เข้ามาทำงานการเพาะเลี้ยงสุนัข

นายเออวิงพร้อมกับแชร์รูปถ่ายสภาพความเป็นอยู่ย่ำแย่ของสถานที่เพาะเลี้ยงสุนัข และพบสุนัขบางตัวมีก้อนนิ่วขนาดเท่ากำปั้นจนปัสสาวะเป็นเลือด และยังพบม้าตัวหนึ่งตาบอดข้างหนึ่งด้วย

นายเออวิงเผยสภาพของลูกสุนัขที่ไปช่วยออกมาว่า “สุนัขกินกันเอง สะท้อนถึงความสิ้นหวังอย่างร้ายแรงของพวกมันที่ต้องการโภชนาการพื้นฐานโดยกินกันเอง สุนัขต้องไม่ทำเช่นนี้”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน