ทรัมป์ต้องถอน! รวมฮิตสหรัฐตัดขาดจากความร่วมมือในประชาคมโลก

ทรัมป์ต้องถอน! – ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ นำพาอเมริกาถอนตัวจากองค์กรและความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างสะท้านสะเทือนไม่แคร์ใครอีกครั้ง ล่าสุดนี้คือถอนจากการเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชอาร์ซี) ด้วยไม่พอใจที่องค์กรนี้ออกมติตำหนิอิสราเอล มหามิตรในกล่องดวงใจของรัฐบาลทรัมป์

หากย้อนไปดูตั้งแต่นายทรัมป์เข้ามาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 45 เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2560 สหรัฐได้ถอนตัวจากความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างอื้ออึงมาทุกครั้ง ดังนี้

 

ทีพีพี ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก – 24 ม.ค. 2560

รับตำแหน่งประธานาธิบดีเพียง 3 วัน ทรัมป์ก็ลงนามคำสั่งคำสั่งฝ่ายบริหารให้สหรัฐถอนตัวออกจากความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) ในทันที อ้างว่าทำเพื่อพี่น้องผู้ใช้แรงงานชาวอเมริกัน สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่เน้นย้ำมุมมองที่ว่าอเมริกาต้องมาก่อน (America First)

ไม่สนใจว่ารัฐบาลในสมัยนายบารัก โอบามา และผู้แทนประเทศต่างๆ รวม 12 ประเทศเคยร่วมลงนามข้อตกลงไว้เมื่อเดือนก.พ.2559

ข้อตกลงปารีส (ลดโลกร้อน) – วันที่ 2 มิ.ย. 2560

ทรัมป์ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงปารีส กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ทั้งที่นานาประเทศใช้เวลานานหลายปีนับจากข้อตกลงเกียวโต อุตส่าห์ก่อร่างสร้างขึ้นมา จนนายบารัก โอบามา เป็นโต้โผผลักดันข้อตกลงนี้สำเร็จปลายปี 2558

ตามข้อตกลงนี้ สหรัฐจะลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนในปี พ.ศ.2568 ลงเหลือร้อยละ 28 จากที่เคยปล่อยในปี 2548 หรือราว 1,600 ตัน

แต่เมื่อทรัมป์มาถึงก็ล้มกระดานทันที อ้างมาตลอดว่าโลกร้อนเป็นเรื่องหลอกลวงที่จีนสร้างขึ้น

โดยไม่พูดถึงข้อมูลจริงทางวิทยาศาสตร์และสถิติระบุว่า สหรัฐเป็นประเทศปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อันดับสองของโลก รองจากประเทศจีน หรือประมาณ 3,000 ตันต่อปี

ยูเนสโก – องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ 31 ธ.ค. 2560

รัฐบาลสหรัฐกล่าวโจมตีว่า ยูเนสโกมีความลำเอียงและต่อต้านอิสราเอล จากกรณีที่ยูเนสโกเห็นชอบให้ปาเลสไตน์เป็นหนึ่งในชาติสมาชิก เมื่อปี 2554 อ้างว่าต้องมีการเจรจาข้อตกลงสันติภาพในตะวันออกกลางก่อน จึงจะรับรองเช่นนี้ได้

ปฏิญญานิวยอร์ก – ข้อตกลงสหประชาชาติว่าด้วยการโยกย้ายถิ่นฐาน – 4 ธ.ค. 2560

สหรัฐอ้างว่ามีหลายมาตราที่ไม่สอดคล้องกับนโยบายผู้ลี้ภัยและผู้โยกย้ายถิ่นฐานของสหรัฐ ถึงสหรัฐจะเอื้อเฟื้อการสนับสนุนผู้โยกย้ายถิ่นฐานและผู้ลี้ภัยทั่วโลกต่อไป แต่การตัดสินใจนโยบายใด ๆ ต้องทำโดยชาวอเมริกันเท่านั้น

ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน – 9 พ.ค. 2561

ข้อตกลงประวัติศาสตร์ระหว่างอิหร่าน กับชาติมหาอำนาจ สหรัฐ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี รัสเซีย และจีน ให้อิหร่านยุติการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ถูกล้มกระดานโดยรัฐบาลทรัมป์ที่รับลูกกับรัฐบาลอิสราเอลราวปี่กับขลุ่ย

ไม่เท่านั้นทรัมป์ยังประกาศคว่ำบาตรทางเศรษญกิจต่ออิหร่านอีกครั้ง และขู่ลงโทษทุกชาติที่ช่วยอิหร่านผลิตอาวุธนิวเคลียร์ อ้างว่าเป็นสัญญาฝ่ายเดียวที่เลวร้าย สร้างความอับอายให้ตน

จากนั้นไม่นานนายฮัสซัน เราฮานี ประธานาธิบดีอิหร่าน ประกาศเริ่มเปิดเครื่องเสริมสมรรรนะยูเรเนียมในระดับอุตสาหกรรม พร้อมเตือนว่าสหรัฐจะต้องเสียใจกับการกระทำนี้อย่างสาสม

แถลงการณ์จี 7 – 10 มิ.ย. 2561

นายทรัมป์ไม่ยอมลงนามรับรองแถลงการณ์ร่วมปิดการประชุมของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก 7 ชาติ (จี7) ที่ประเทศแคนาดา ภายหลังขัดแย้งเรื่องภาษีการค้ากับชาติสมาชิกด้วยกัน โดยเฉพาะกับนายจัสตัน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา ชาติเจ้าภาพ

นายทรัมป์ตำหนิว่าเหยาะแหยะให้คนจูงจมูก ออกแถลงการณ์ผิดๆ นอกจากนี้ การประชุมดังกล่าวจบลงไม่สวยนัก เนื่องจากเดินทางกลับก่อนผู้นำคนอื่น และทวีตข้อความตำหนิโจมตีนายทรูโดอย่างรุนแรงด้วย

คณะมนตรีสิทธิมนุษยชน – 19 มิ.ย. 2561

รัฐบาลสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของประธานาธิดีทรัมป์ ประกาศถอดถอนสหรัฐจากการเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชอาร์ซี) ถือเป็นประเทศแรกที่ถอนตัวจากยูเอ็นเอชอาร์ซีด้วยความสมัครใจ

ชื่อประเทศสหรัฐอเมริกา เขียนในภาษาฝรั่งเศส ตั้งอยู่ในที่ประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน ที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ (Martial Trezzini/Keystone via AP)

ต้นเหตุมาจากความไม่พอใจที่คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติผ่านความเห็นชอบ 5 ข้อมติต่อต้านอิสราเอล ซึ่งมากกว่าจำนวนรวมของข้อมติต่อต้านเกาหลีเหนือ อิหร่าน และซีเรีย ถือว่าเป็นการใช้อคติทางการเมืองไม่ใช่จากสิทธิมนุษยชน สหรัฐก็ไม่ควรให้ความเชื่อถือต่อคณะมนตรีอีกต่อไป

คำประท้วงนี้ไม่ได้เอ่ยถึงกรณีที่อิสราเอลใช้กระสุนจริงยิงใส่พลเรือนปาเลสไตน์ที่มาประท้วงอยู่บริเวณพรมแดนฉนวนกาซา ทุกวันศุกร์ประจำสัปดาห์ นับจากวันที่ 30 มี.ค. มีผู้เสียชีวิตเกิน 130 รายแล้ว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน