เมื่อวันที่ 17 พ.ค. เดอะ ซันรายงานว่า ศักยภาพของเกาหลีเหนือในการสร้างขีปนาวุธพิสัยไกลที่ระยะยิงอาจถึงรัฐอลาสกา และรัฐฮาวายของสหรัฐนั้น น่าตกตะลึงกว่าที่เคยคิดไว้ เมื่อมีการเผยภาพถ่ายทางดาวเทียวของเขตที่ทดสอบอาวุธนิวเคลียร์และพบร่องรอยการทดสอบที่คาดว่ารุนแรงกว่าครั้งก่อนๆ
Quartz.com เผยภาพถ่ายทางดาวเทียมบริเวณฐานทัพอากาศพังฮยอน เมืองกูซอง ของเกาหลีเหนือ อยู่ไม่ห่างจากชายแดนจีนมากนัก เป็นบริเวณใช้ทดสอบอาวุธนิวเคลียร์และทิ้งร่อยรอยการเผาไหม้ไว้
มีความเป็นไปได้ว่าเกาหลีเหนือจะทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกล ฮวาซอง-12 ในรูปแบบระยะการยิงถึง 7,242 กิโลเมตร ซึ่งโจมกองทัพเรือสหรัฐที่เกาะกวม รัฐฮาวายและรัฐอลาสกาได้
แม้ว่าก่อนหน้านี้การทดสอบอาวุธของเกาหลีเหนือจะล้มเหลวในหลายๆ ครั้งแต่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าการทดสอบที่ผิดพลาดไม่ได้หมายถึงการโปรแกรมพัฒนาอาวุธที่ล้มเหลว
“สิ่งที่ควรจะกังวลไม่ใช่การทดสอบครั้งสองครั้ง แต่มันหมายความว่าเกาหลีเหนือกำลังเข้าใกล้กับความเป็นจริงในการพัฒนาขีปนาวุธ และสิ่งที่เกาหลีเหนือมาถูกทางแล้วคือการทดสอบ และทดสอบให้มากขึ้น นี่คือหนทางเดียวที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับการพัฒนาขีปนาวุธ ซึ่งสิ่งทำให้ผมกังวลใจ” นายโจเซฟ เอส เบอร์มูเดซ จูเนียร์ นักวิเคราะห์ชาวสหรัฐ จากบริษัทออล ซอร์ส อนาไลซิส กล่าว
ก่อนหน้านี้ นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย เพิ่งระบุว่า การทดสอบอาวุธของเกาหลีเหนือนั้นอันตรายแล้ว และปรามนายโดนัลด์ ทรัมป์ผู้นำสหรัฐว่าให้เลิกรุมข่มขู่เกาหลีเหนือ ต้องหาทางออกด้วยวิธีสันติ
วันเดียวกัน สำนักข่าวยอนฮัปของเกาหลีใต้ รายงานคำให้สัมภาษณ์ของนักวิทยาศาสตร์ด้านนิวเคลียร์ชาวอเมริกัน ที่มองว่าด้วยเหตุผลทางเทคโนโลยีของเกาหลีเหนือขณะนี้ มีความเป็นไปได้ที่เกาหลีเหนือจะทดลองนิวเคลียร์ลูกที่ 6 อีกในไม่ช้า
ศ.ซีกฟรีด เฮคเกอร์ จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ผู้เชี่ยวชาญด้านนิวเคลียร์ และสมาชิกคนหนึ่งในคณะจากโลกตะวันตกที่เข้าไปดูการสกัดแร่ยูเรเนียมในเกาหลีเหนือเมื่อปี 2553 ให้สัมภาษณ์กับนิตยสารอะตอมมิก ไซแอนทิสต์ ว่า เกาหลีเหนือมีเทคโนโลยีที่เพียงพอต่อการทดสอบและพัฒนาต่อยอดสู่การบรรจุหัวรบนิวเคลียร์เข้ากับขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป
นอกจากนี้ยังเชื่อว่าเกาหลีเหนือพยายามพัฒนาหัวรบนิวเคลียร์ให้เบาแและเล็กลงเพื่อที่จะบรรจุกับขีปนาวุธขนาดเล็กซึ่งมีพิสัยโจมตีถึงญี่ปุ่นและที่ไหนก็ได้ในเกาหลีใต้ ตลอดจนศักยภาพของเกาหลีเหนือที่คาดว่ามีพลูโตเนียมเพียงพอและสกัดยูเรเนียมสำหรับทำหัวรบนิวเคลียร์ได้สูงถึง 20-25 หัวรบ
“การคาดคะเนทั้งหมดเป็นการคาดที่ขยายผลมาจากครั้งที่ทีมของผมจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดได้เข้าไปที่ศูนย์วิจัยนิวเคลียร์ยองบองในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2553 และด้วยความรู้ของผมตอนนี้ยังไม่มีคนนอกจากที่เคยเข้าไปในศูนย์ดังกล่าวอีกเลย
ส่วนการคาดคะเนที่เหลือนั้นอิงมาจากหลักฐานชั้นรองไม่ว่าจะเป็นภาพถ่ายดาวเทียม หรือสิ่งที่เกาหลีเหนือเลือกที่จะถ่ายทอดออกมารวมกับการสร้างโมเดลในด้านศักยภาพและการจัดหาของทางเกาหลีเหนือ” ผู้เชี่ยวชาญกล่าว
ส่วนในทางลดความตึงเครียด ผู้เชี่ยวชาญท่านนี้ระบุว่า ตามความเห็นของตน มีเพียงปัจจัยเดียวที่ยับยั้งการทดสอบของเกาหลีเหนือได้คือผลกระทบทางการเมืองจากจีนและรัฐบาลใหม่ของเกาหลีใต้
ดังนั้นเกาหลีใต้และสหรัฐควรที่จะสามัคคีและพูดไปในทางเดียวกันโดยใช้วิธีทางการทูต พร้อมกันนี้ยังได้แนะนำให้รัฐบาลของนายโดนัลด์ ทรัมป์ผู้นำสหรัฐส่งตัวแทนเข้าไปเจรจาในกรุงเปียงยางอีกด้วย