เว็บไซต์เดลี่เมล์ของอังกฤษเผยแพร่คลิปนาทีชาวซีเรียที่อาศัยอยู่ในเมืองอัรร็อกเกาะฮ์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของกองกำลังรัฐอิสลาม หรือไอเอส ทางเหนือของประเทศ ต่างเฉลิมฉลองกับอิสรภาพ หลังหลุดพ้นออกมาจากอำนาจการปกครองของไอเอส

http://video.dailymail.co.uk/video/mol/2017/07/21/8237797876060079208/1024x576_MP4_8237797876060079208.mp4

กองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย (เอสดีเอฟ) นำโดยหน่วยปกป้องประชาชน (วายพีจี) เป็นผู้ปฏิบัติการปลดปล่อยชาวบ้านและครอบครัวหลายชีวิตในเมืองอัรร็อกเกาะฮ์ โดยมีผู้หญิงคนหนึ่ง เมื่อได้รับอิสรภาพ ก็ถอด “บุรกา” หรือผ้าคลุมที่ต้องปิดทั้งตัวทันที

รายงานระบุว่า ชาวบ้านที่ลี้ภัยออกมาไปอาศัยอยู่ในค่ายลี้ภัยในเมืองไอน์ อิสสา ห่างจากเมืองอัรร็อกเกาะห์ไปทางเหนือ 50 กิโลเมตร ต่างเล่าถึงวิธีการลงโทษสารพัดที่เหี้ยมโหด

เด็กหญิงวัย 12 ขวบ เล่าว่า เห็นผู้หญิงหลายคนที่ต้องโทษลักของถูกจับเอามือทอดในน้ำมันเดือด ส่วนเด็กหญิงวัย 10 ขวบ อีกคนเล่าว่า ถูกนักรบไอเอสด่าทอ เพียงเพราะตนสวมเสื้อยืดสีแดง

ด้านนางฟาติมา โมฮัมเหม็ด วัย 39 ปี กล่าวว่า ชาวบ้านในเมืองอัลร็อกเกาะห์รู้สึกกดดันทางจิตใจ พระอัลเลาะห์เจ้าเท่านั้นที่ทรงรู้ พร้อมเล่าเหตุการณ์หนึ่ง เมื่อเด็กชายวัย 14 ปี ถูกกล่าวหาเป็นขโมย ได้ขอร้องชีวิตว่า “ผมเป็นผู้บริสุทธิ์” ขณะที่นักรบไอเอสเตรียมใช้มีดแทงศีรษะโชว์สาธารณะ แต่เด็กคนดังกล่าวพยายามใช้มือปัดมีด กลับถูกนักรบใช้ปืนยิงทะลุศีรษะ 2 นัด เสียชีวิตคาที่

ส่วนนางฮาลิมา อัล-โมอูดา แม่ลูกสี่วัย 32 ปี กล่าวว่า ลูกสาววัย 12 ของตนถูกนางพยาบาลบังคับให้ไปแต่งงานกับนักรบไอเอส ส่วนลูกชายคนเล็กอีกคนถูกตำรวจเรียกไปตักเตือนพร้อมสามีตน เนื่องจากลูกชายสวมกางเกงยีนส์ แม้แต่ตัวนางฮาลิมาก็ถูกเฆี่ยน 20 ครั้ง เพราะเผยให้เห็นฝ่ามือ ซึ่งผิดชาเรีย หรือกฎหมายศาสนาอิสลาม ที่บัญญัติว่า สตรีต้องโพกผ้าโทนสีดำปกปิดร่างกายตั้งแต่หัวจรดเท้า

นางฮาลิมาเล่าอีกว่า แต่มีเรื่องราวที่น่าสลดใจกว่านี้ เมื่อเพื่อนบ้านไปแจ้งตำรวจศีลธรรมของนักรบไอเอสว่า มีเด็กผู้ชายวัย 13 ขวบ ในบ้านใกล้เคียงเป็นชายรักชาย จึงถูกตำรวจนำตัวไปโยนบกจากหลังคาสูงเสียชีวิต ขณะนี้พ่อของเด็กที่ตายกำลังทำงานเก็บเงินเพื่อกลับมาล้างแค้นเพื่อนบ้านคนดังกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน