เอเอฟพีรายงานวันที่ 18 ส.ค. ว่า เกิดเหตุเขย่าขวัญชาวยุโรปอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเกิดในประเทศฟินแลนด์ ดินแดนที่สงบเงียบทางภาคเหนือของทวีป มีผู้ก่อเหตุใช้มีดไล่แทงผู้คนในเมืองตุรกุ ทางตะวันตกเฉียงใต้ มีเหยื่อถูกทำร้ายถึง 8 คน ในจำนวนนี้ 2 รายเสียชีวิตแล้ว ก่อนเจ้าหน้าที่ต้องยิงสกัดที่ขาคนร้ายและรวบตัวจับได้ในที่สุด
เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นไล่หลังเหตุก่อการร้าย 2 ครั้งซ้อนช็อกชาวสเปนที่แคว้นคาตาโลเนีย ซึ่งกองกำลังรัฐอิสลาม หรือไอเอส แถลงผ่านนิตยสารออนไลน์ในเครือข่ายว่า นักรบแห่งไอเอสเป็นผู้ก่อเหตุโจมตีสเปน หลังมีผู้เสียชีวิตรวม 14 ราย
เหตุแรกที่นครบาร์เซโลนา เมืองสำคัญอันดับสองของประเทศ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 17 ส.ค. ตามเวลาท้องถิ่น คนร้ายขับรถตู้สีขาวยี่ห้อเฟียต พุ่งชนประชาชนซึ่งกำลังสัญจรไปมาบนถนนลาส รัมบลาส ย่านท่องเที่ยวใจกลางเมือง มีผู้เสียชีวิต 13 ราย และบาดเจ็บกว่า 100 คน ซึ่งมีชาวต่างชาติจากประเทศต่างๆ กว่า 34 ประเทศ อาทิ เบลเยียม ฝรั่งเศส กรีซ เนเธอร์แลนด์ เวเนซุเอลา ออสเตรเลีย จีน ไต้หวัน ฮ่องกง และสหรัฐอเมริกา
ต่อมาช่วงเช้าตรู่วันศุกร์เกิดเหตุรถยนต์ยี่ห้อออดี้ เอ 3 พุ่งชนฝูงชนในเมืองแคมบริลส์ ห่างจากบาร์เซโลนาราว 120 ก.ม. มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และผู้บาดเจ็บ 5 คน ทำให้ตำรวจยิงคนร้าย 5 คนที่สวมเข็มขัดบรรจุระเบิดพลีชีพของปลอม
การสอบสวนพบว่าทั้งสองเหตุการณ์เชื่อมโยงกัน และเป็นไปได้คนขับรถตู้ในบาร์เซโลนาอาจเป็น 1 ใน 5 คนร้ายที่ถูกวิสามัญฯ ส่วนผู้ต้องสงสัยอื่นที่เกี่ยวข้องถูกจับกุมแล้ว 4 คน มีทั้งสัญชาติสเปน และโมร็อกโก รวมถึงนายดริซ อูบากีร์ อายุราว 20 ปี พี่ของนายมูสซา อูบากีร์ ชายวัยรุ่นเชื้อสายโมร็อกโกที่ใช้บัตรประจำตัวของพี่ชายเช่ารถตู้ 2 คัน คันแรกไปก่อเหตุในบาร์เซโลนา