เมื่อวันที่ 30 ก.ย. เอเอฟพีรายงานความคืบหน้าความหวาดวิตกต่อสถานการณ์ในค่ายอพยพชาวโรฮิงยาในเมืองค็อกซ์บาซาร์ ประเทศบังกลาเทศ อาจมีแนวโน้มเสี่ยงต่อการเกิดโรคระบาด ภายหลังการสู้รบระหว่างกองทัพพม่ากับกองกำลังติดอาวุธปลดปล่อยชาวอาระกันโรฮิงยา หรืออาร์ซา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,000 ราย และมีชาวโรฮิงยาอพยพหนีภัยสงครามข้ามพรมแดนไปยังบังกลาเทศเกือบ 5 แสนคนแล้ว คาดว่าอาจถึง 1 ล้านคนในสิ้นปีนี้ ทำให้ค่ายผู้อพยพเกิดความอึดอัด ท่ามกลางฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นฤดูมรสุม ขณะที่การอพยพยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุด การสำรวจพบชาวโรฮิงยาอีกหลายพันคนอาศัยเส้นทางตามชายฝั่งเดินเท้าจากพม่าเข้าสู่บังกลาเทศ ส่วนการต่อสู้ในรัฐยะไข่ของพม่ายังไม่มีทีท่าจะยุติลง

AFP

สหประชาชาติ หรือยูเอ็น เตือนว่า สถานการณ์นี้อาจนำไปสู่การเกิดโศกนาฏกรรมทางมนุษยธรรมครั้งใหญ่ในค่ายผู้อพยพ ขณะที่บรรดาเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ระบุว่า ชาวโรฮิงยากำลังขาดแคลนน้ำสะอาดสำหรับอุปโภคบริโภค และมีห้องสุขาไม่เพียงพอ ส่วนบรรดาแพทย์อาสาในค่ายระบุว่า กำลังพบจำนวนผู้ป่วยที่มีอาการท้องเสียรุนแรงมากขึ้นต่อเนื่องโดยเฉพาะในเด็กเล็ก หลังชาวโรฮิงยาบางส่วนอาศัยกระแสน้ำที่ไหลหลากอยู่ตามพื้นดินเป็นแหล่งน้ำดื่มหลักท่ามกลางฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก

AFP

นายแพทย์อลามุล เฮก หนึ่งในแพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่ในค่ายอพยพ ระบุว่า พบผู้ป่วยที่มีอาการท้องเสียรุนแรงกว่า 400 คนต่อวัน และมีแนวโน้มมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากฝนที่ตกลงมาแทบจะตลอดเวลาทำให้ของเสียที่ผู้อพยพขับถ่ายเจือปนส่งกลิ่นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณค่าย โดยทางเจ้าหน้าที่กำลังเร่งแก้ไขปัญหาด้วยการขุดบ่อน้ำสะอาดใหม่หลายแห่งมาใช้แทน แต่ยังพบปัญหาขาดแคลนน้ำดื่มสะอาด

AFP

ด้านผู้เชี่ยวชาญด้านอนามัยจากสภากาชาดซึ่งจำเป็นต้องปกปิดชื่อเพราะไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดเผยข้อมูลกับสื่อ ระบุว่า ความเสี่ยงการเกิดโรคระบาดนั้นมีสูงมาก หากสถานการณ์ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ตนรับรองได้ว่าจะต้องเกิดโรคระบาดแน่นอน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน