วันที่ 7 ต.ค. ซีจีทีเอ็น เผยแพร่คลิปจากกลุ่มอารกัน เผยนาทีชาวมุสลิมโรฮิงยาว่ายน้ำหนีความรุนแรงในรัฐยะไข่ บริเวณเมืองบูตีต่อง ตลอดทั้งวันที่ 5 และ 6 ต.ค. แม้ว่ารัฐบาลพม่ารับประกันแล้วว่าหยุดการอพยพของชาวบ้านไปยังบังกลาเทศ เพื่อนบ้านได้แล้ว
ในวิดีโอเผยให้เห็นนาทีที่ชาวโรฮิงยาว่ายน้ำฝ่ากระแสน้ำในแม่น้ำโคลน และมาตั้งหลักที่เมืองหม่องดอว์ จากนั้นเดินไปไกลอีก 20 กิโลเมตรจึงจะถึงพรมแดนกั้นระหว่างสองประเทศ
สถานการณ์นี้เกิดขึ้นหลังมีรายงานว่า ชาวบ้านเริ่มอดอยาก และออกจากพื้นที่ไม่ได้ เนื่องจากทหารพม่าปิดกั้นบริเวณอยู่
ชาวโรฮิงยามุ่งหน้าเข้ามายังเมืองหม่องดอว์ ติดชายแดนบังกลาเทศ เมื่อ 5 ต.ค. (Arakan Rohingya National Organization via the AP)
วิกฤตโรฮิงยาอพยพเกิน 5 แสนคนในครั้งนี้ เริ่มมาจากการที่อาร์ซาบุกตระเวนโจมตีด่านตำรวจพม่าที่รัฐยะไข่ 30 จุด เมื่อวันที่ 25 ส.ค. เสียชีวิต 12 ราย จากนั้นทางการพม่าส่งทหารเข้าปราบปรามตามชุมชนที่อยู่อาศัยของชาวบ้านโรฮิงยา ทำให้เกิดการอพยพครั้งใหญ่ ผู้ลี้ภัยโรฮิงยาและกลุ่มสิทธิกล่าวหาว่ากองทัพจุดไฟวางเพลิงด้วยความช่วยเหลือของม็อบพุทธสุดโต่ง แต่ฝ่ายทหารปฏิเสธคำกล่าวหาดังกล่าว และกล่าวหาว่าเป็นฝีมืออาร์ซา
ด้านเอเอฟพีรายงานว่า กลุ่มปลดปล่อยอารกันหรืออาร์ซา กลุ่มติดอาวุธที่ต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ความมั่นคงพม่า ออกแถลงการณ์ว่า ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 7 ต.ค.นี้ ข้อตกลงหยุดยิง 1 เดือนจะสิ้นสุดลงในอีก 2 วันข้างหน้า แต่เสริมว่าทางกลุ่มติดอาวุธโรฮิงยาเปิดทางสู่สันติภาพหากฝ่ายรัฐบาลเปิดกว้างสู่สันติภาพด้วยเช่นกัน
ภาพจากคลิปกองกำลังอาร์ซา
“ข้อตกลงหยุดยิงฝ่ายเดียวของกลุ่มอาร์ซาจะหมดอายุเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 9 ต.ค.นี้ มีการหยุดความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมชั่วคราวเพื่อให้เจ้าหน้าช่วยเหลือด้านมนุษยรรมประเมินและตอบสนองต่อวิกฤติมนุษยธรรมในรัฐยะไข่ ไม่ว่าในภาวะใดๆ ที่รัฐบาลเมียนมามีความโน้มเอียงเข้าสู่สันติภาพ กลุ่มอาร์ซาจะยินดีต้อนรับความโน้มเอียงดังกล่าวและฝ่ายอาร์ซาจะทำดังนั้นตอบแทนเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกัน” แถลงการณ์ระบุ
ด้านรัฐบาลพม่ายังไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆ ในแถลงการณ์นี้ หลังจากเมื่อเดือนก่อนที่อาร์ซาแถลงหยุดยิงตั้งแต่วันที่ 10 ก.ย. โฆษกรัฐบาลพม่ากล่าวเพียงว่า รัฐบาลไม่มีนโยบายเจรจาต่อรองกับกลุ่มก่อการร้าย อีกทั้งยังปฏิเสธว่าทหารเข้ากวาดล้างชุมชนชาวโรฮิงยาราวกับกวาดล้างชาติพันธุ์
