เมื่อวันที่ 12 ต.ค. เอเอฟพีรายงานว่า พลเอกมิน ออง ไหล่ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพพม่า โจมตีรายงานของสื่อมวลชนถึงตัวเลขผู้อพยพชาวโรฮิงยาที่หนีตายไปยังประเทศบังกลาเทศแล้วกว่า 520,000 คน ว่า “เกินความจริง” บรรดาสื่อมวลชนต้องการโฆษณาชวนเชื่อและสร้างความร้าวฉาน
ท่าทีนี้มีขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่สหประชาชาติเปิดรายงานว่า ทหารพม่าใช้วิธีขับไล่ชาวโรฮิงยาออกจากประเทศอย่างเป็นระบบ มีการจัดการที่วางแผนและประสานกันกับอย่างดี ทั้งป้องกันชาวบ้านเหล่านี้กลับภูมิลำเนา
พลเอกมินระบุว่าเป็นการรายงานของบรรดาสื่อมวลชนที่ต้องการโฆษณาชวนเชื่อและสร้างความร้าวฉาน ท่ามกลางความไม่พอใจต่อสื่อที่กำลังมีแนวโน้มสูงขึ้นในพม่า
“รายงานที่บอกว่าพวกเบงกาลีหนีตายไปบังกลาเทศจำนวนมากถือว่าเกินความจริง เจตนาโฆษณาชวนเชื่อและสร้างความร้าวฉาน ทั้งๆ ที่ภูมิลำเนาของพวกเบงกาลีก็คือบังกลาเทศ พวกเขาอาจจะเพียงอยากจะกลับไปที่ที่มีภาษา เชื้อชาติ และวัฒนธรรมเหมือนกัน เพราะอาจจะคิดว่าปลอดภัยกว่า” พลเอกมิน เขียนผ่านเฟซบุ๊ก
ภาพจากโดรน พื้นที่ผู้อพยพโรฮิงยาผุดเต็มชายแดนบังกลาเทศ
นอกจากนี้ พลเอกมิน ยังยืนยันว่าชาวเบงกาลีเดิมที่ถูกจักรวรรดิอังกฤษขนเข้ามาในพม่า ดังนั้นจึงไม่ถือว่ามีพื้นเพลเป็นชาวพม่าโดยเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม นัประวัติศาสตร์โต้แย้งว่าพบหลักฐานมีชาวมุสลิมอาศัยอยู่ในพม่าก่อนยุคล่าอาณานิคม
คำอธิบายนี้มีขึ้นหลังผบ.สส. พบหารือกับนายสก็อต มาร์เชียล เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำพม่า แสดงความกังวลต่อเหตุการณ์สู้รบที่เกิดขึ้น พร้อมเสนอความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมจากสหรัฐ
ชาวโรฮิงยาที่ข้ามชายแดนเข้าไปในบังกลาเทศ Palang Khali, Bangladesh October 9, 2017. REUTERS
ส่วนกรณีที่ชาวโรฮิงยาที่ยังเหลือรอดอยู่ในรัฐยะไข่ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวภาคสนามต่างชาติว่ากำลังถูกชาวพุทธพม่าบางส่วนสกัดกั้นความช่วยเหลือ โดยต้องการให้พวกตนอดตาย แต่ผบ.สส.พม่าระบุว่าพื้นที่ดังกล่าวอุดมสมบูรณ์ สามารถหาจับปลาได้ง่ายตามแม่น้ำ
REUTERS/Damir Sagolj
วันเดียวกัน สหประชาชาติ หรือ ยูเอ็นเรียกตัว น.ส.เรนาตา ล็อก-เดสซัลเลียน หัวหน้าทีมงานสหประชาชาติประจำประเทศ (ยูเอ็นซีที) กลับสำนักงานในนครนิวยอร์ก หลังตกเป็นข่าวเชิงสืบสวนของบีบีซี ว่าพยายามสกัดกั้นความช่วยเหลือต่อชาวโรฮิงยา และเอาอกเอาใจกองทัพพม่า
ส่วนสำนักวาติกันแถลงว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิกจะเสด็จเยือนพม่าระหว่างวันที่ 27-30 พ.ย.นี้ เพื่อเรียกร้องให้ยุติความรุนแรงในรัฐยะไข่
