วันที่ 14 ต.ค. บีบีซีรายงานสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกา และชาติมหาอำนาจอีก 5 ประเทศ ในกลุ่มพี 5+1 ได้แก่สหราชอาณาจักร รัสเซีย ฝรั่งเศส เยอรมนี และจีน ซึ่งร่วมลงนามในข้อตกลงว่าด้วยการระงับโครงการพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่าน เมื่อปี 2558 หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา แถลงเมื่อวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นว่า จะไม่ลงนามรับรองการปฏิบัติตัวของอิหร่านว่าเป็นไปตามกรอบข้อตกลง โดยรอบการลงนามล่าสุดจะถึงกำหนดในวันที่ 15 ต.ค. โดยให้เหตุผลว่าอิหร่านไม่ทำตามข้อตกลง และให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย ทั้งยังเรียกร้องให้สภาคองเกรสพิจารณาออกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่ด้วย

ประธานาธิบดีฮัสซัน เราฮานี ผู้นำอิหร่าน กล่าวตอบโต้ถ้อยแถลงดังกล่าวว่านายทรัมป์ทำให้สหรัฐโดดเดี่ยวมากกว่าที่เคยเป็นมา เนื่องจากผู้นำชาติมหาอำนาจต่างยืนกรานว่าจะทำตามข้อตกลง พร้อมตั้งคำถามเย้ยหยันว่านายทรัมป์คิดว่าสามารถทำให้สนธิสัญญาพหุภาคีเป็นโมฆะได้ด้วยตัวเองหรืออย่างไร “เป็นที่แน่ชัดว่านายทรัมป์ไม่รู้ว่าสนธิสัญญานี้ไม่ใช่ข้อตกลงทวิภาคีระหว่างอิหร่านและสหรัฐ” ขณะที่รัฐบาลจีนออกมาเรียกร้องให้นายทรัมป์ทำตามข้อตกลง ส่วนโฆษกกระทรวงต่างประเทศรัสเซียระบุว่าผิดหวังกับการตัดสินใจของนายทรัมป์ แต่ย้ำว่าจะไม่มีผลต่อการผลักดันให้เกิดการบรรลุข้อตกลง

ก่อนหน้านี้รัฐบาลนายทรัมป์เพิ่งสร้างความปั่นป่วนให้กับองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) หลังประกาศลาออกจากการเป็นสมาชิก โดยอ้างว่าไม่พอใจที่ยูเนสโกมีอคติต่ออิสราเอล ชาติพันธมิตร ทำให้สมาชิก 195 ประเทศ ต้องเลือกตั้งหาผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่ ได้แก่น.ส.ออดรีย์ อาซูเลย์ อดีตรมว.วัฒนธรรมฝรั่งเศส ที่เฉือนชนะนายอับดุลอาซิซ อัล-คาวารี จากกาตาร์ ด้วยคะแนน 30 ต่อ 28 คะแนน หลังจากซาอุดีอาระเบีย แกนนำชาติอาหรับที่คว่ำบาตรทางการทูตกับกาตาร์ ไม่ยอมลงคะแนนให้ผู้แทนกาตาร์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน