เมื่อ 16 ต.ค. เอเอฟพีรายงานว่า เกิดเหตุเรือบรรทุกผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงยาราว 50 คน จากรัฐยะไข่ ทางตะวันตกของพม่า อับปางซ้ำอีกในแม่น้ำนาฟ บริเวณพรมแดนพม่ากับบังกลาเทศ เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือผู้รอดชีวิต 21 คน แต่ยังมีผู้สูญหายอีก 21 คน พบร่างผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 8 ราย ส่วนใหญ่เป็นเด็ก ส่งผลให้ยอดผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงยาที่สังเวยชีวิตขณะอพยพเพิ่มเป็นกว่า 200 ราย

หนูน้อยรายนี้รอดชีวิตหลังข้ามแม่น้ำนาฟมาได้ ที่ปาลังคาลี บังกลาเทศ เมื่อ 16 ต.ค. 2560 REUTERS/Jorge Silva

โศกนาฏกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าภายหลังกองทัพพม่าบุกกวาดล้างกองกำลังปลดปล่อยชาวอารกันโรฮิงยา(อาร์ซา) กลุ่มติดอาวุธมุสลิมโรฮิงยาสายสุดโต่งในรัฐยะไข่ และเป็นเหตุให้พลเรือนชาวโรฮิงยามากกว่า 537,000 คน ต้องหนีตายข้ามไปยังบังกลาเทศ ระลอกล่าสุดเพิ่มอีก 12,000 คน

นายฟัซลุล ฮัก เจ้าหน้าที่ในเมืองค็อกซ์บาซาร์ กล่าวว่าเรือบรรทุกผู้ลี้ภัยเป็นเรือของชาวบังกลาเทศซึ่งทำรายได้จากการพาชาวโรฮิงยาข้ามฝากมายังบังกลาเทศ แม้จะเป็นคนในท้องที่แต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงคลื่นทะเลสูงที่เป็นเหตุทำให้เรือล่ม

ทั้งนี้ เหตุล่าสุดเกิดขึ้นเพียง 1 สัปดาห์ให้หลังเหตุเรือบรรทุกผู้ลี้ภัยอีกลำอับปางในแม่น้ำนาฟ บริเวณชายฝั่งเกาะเซนต์มาร์ติน ทางตอนใต้สุดของบังกลาเทศ ซึ่งมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 34 ราย ส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้สูงวัย เนื่องจากมีพายุพัดผ่านและปะทะกับคลื่นทะเลสูง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน