เมื่อวันที่ 7 พ.ย. เอเอฟพีรายงานความเคลื่อนไหวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา ว่าเดินทางจากญี่ปุ่นมาถึงกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้แล้ว ในทริปเยือนชาติมหามิตรในเอเชีย ท่ามกลางการจับตาถึงวิกฤตการเผชิญหน้าและการแข่งขันทางอาวุธในคาบสมุทรเกาหลี ทั้งนี้ในจังหวะลงจากเครื่องมายังสนามบิน นายทรัมป์ยังจุมพิตนางเมลาเนีย สตรีหมายเลขหนึ่ง ก่อนแยกย้ายกันไปตามหมายของตนเอง
การมาครั้งนี้ทำให้ชาวเกาหลีใต้พากันมาชุมนุมแยกเป็นสองฝ่ายระหว่างกลุ่มสนับสนุนให้สหรัฐเข้ามาคุ้มครองกับกลุ่มต่อต้านสงครามและไม่ต้องการให้สหรัฐแทรกแซง อย่างไรก็ตาม ในส่วนของรัฐบาลเกาหลีใต้ตกลงจะจัดซื้ออาวุธจากสหรัฐมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อปกป้องตัวเองจากภัยคุกคามของเกาหลีเหนือ
นายทรัมป์หารือกับประธานาธิบดีมุน แจอิน ผู้นำเกาหลีใต้ ถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ แม้ก่อนหน้านี้สหรัฐและเกาหลีใต้มีความเห็นแย้งกันต่อวิธีการแก้ไขปัญหา
นายทรัมป์เปิดเผยว่า เกาหลีใต้จะจัดซื้ออาวุธจากสหรัฐรวมเป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบิน ขีปนาวุธ และอื่นๆ และตกลงร่วมกันที่จะยกเลิกข้อบังคับที่จำกัดพิกัดน้ำหนักของหัวรบชนิดต่างๆ ในขีปนาวุธข้ามทวีป หรือไอซีบีเอ็ม ของเกาหลีใต้ เพื่อแสนยานุภาพการทำลายล้างให้กับกองทัพเกาหลีใต้
“เกาหลีใต้ตกลงซื้อยุทโธปกรณ์จากเรา ซึ่งถือเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผล เพราะมันจะช่วยให้การขาดดุลการค้าของสหรัฐกับเกาหลีใต้ลดลง และนั่นหมายความว่าสหรัฐจะมีตำแหน่งงานเพิ่มขึ้น” นายทรัมป์กล่าว
ด้านประธานาธิบดีมุนกล่าวยืนยันแผนการจัดซื้อยุโธปกรณ์ดังกล่าว ว่าเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อเสริมสร้างแสนยานุภาพด้านความมั่นคงของประเทศชาติ ขณะที่ข้อบังคับที่จำกัดพิกัดน้ำหนักหัวรบไอซีบีเอ็มของเกาหลีใต้ที่ให้สูงสุดไม่เกิน 500 กิโลกรัมนั้นถูกยกเลิกแล้ว เนื่องมาจากภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นจากโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และไอซีบีเอ็มของเกาหลีเหนือ
“เราจะยังคงท่าทีด้านมาตรการคว่ำบาตรต่อเกาหลีเหนือไว้ในขั้นสูงสุดเพื่อกดดันเกาหลีเหนือจนกว่าจะยอมกลับคืนสู่โต๊ะเจรจาอย่างจริงใจ” ผู้นำเกาหลีใต้กล่าว