เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. เอเอฟพีรายงานสถานการณ์ตึงเครียดก่อนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐจะรับรองให้เมืองเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของประเทศอิสราเอล ท่ามกลางเสียงทักท้วงของนานาประเทศเช่น ซาอุดีอาระเบีย อียิปต์ จอร์แดน สหภาพยุโรปหรืออียู ฝรั่งเศส เยอรมนี และตุรกี รวมถึงล่าสุด สมเด็จพระสันตปาปา ฟรานซิส ทรงมีรับสั่งปกป้องสถานะเดิมของนครเยรูซาเล็ม แม้พระองค์ทรงเป็นประมุขแห่งคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก แต่ทรงเคารพคนในศาสนาอื่น

ด้านรัฐบาลอิหร่าน ชาติอริของอเมริกา นายฮัสซัน เราฮานี ประธานาธิบดีแถลงอย่างแข็งกร้าว ว่าอิหร่านจะไม่ทนกับการกระทำของนายทรัมป์ ที่ผิด ละเมิดกฎหมาย และยั่วยุ อันตรายอย่างยิ่ง เบื้องต้นนี้อิหร่านจะเข้าประชุมวารพิเศษกับองค์การความร่วมมืออิสลาม วันที่ 13 ธ.ค.นี้

ชาวปาเลสไตน์เผาธงชาติอิสราเอลและธงสหรัฐ ที่ฉนวนกาซ่า / AFP PHOTO / MAHMUD HAMS

สำหรับเหตุผลที่นายทรัมป์ดึงดันจะรับรองให้อิสราเอลครั้งนี้เป็นชาติแรกรับรองเยรูซาเล็มตั้งแต่ก่อตั้งประเทศในปี 2491 ทำเนียบขาวอ้างว่าทำตามความเป็นจริงทั้งในแง่ประวัติศาสตร์และยุคสมัยใหม่ แต่สหรัฐจะยังไม่ย้ายสถานทูตสหรัฐจากกรุงเทลอาวีฟไปยังเยรูซาเล็มในทันที จะใช้เวลาสักระยะหนึ่งหรืออาจหลายปี เพื่อหาที่ตั้งออกแบบสถานทูตใหม่และลงมือสร้างในเยรูซาเล็ม

สถานทูตสหรัฐในกรุงเทลอาวีฟจะยังไม่ย้ายเข้าเยรูซาเล็มในเร็ววันนี้ / AFP PHOTO / JACK GUEZ

สถานะของเมืองเยรูซาเล็ม ซึ่งเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ต่อทั้งชาวอิสราเอลและปาเลสไตน์นั้น เป็นประเด็นล่อแหลมมาอย่างยาวนาน ปาเลสไตน์ถือว่าเมืองเยรูซาเล็มด้านตะวันออกเป็นเมืองหลวงในอนาคตของรัฐปาเลสไตน์ แต่อิสราเอลยึดส่วนด้านตะวันออกของเมืองเยรูซาเล็มผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอิสราเอล พร้อมอ้างว่าทั้งสองด้านของเมืองนี้เป็นเมืองหลวงที่ไม่สามารถแบ่งแยกได้ตลอดกาล สร้างความไม่พอใจแก่ชาวอาหรับจำนวนมาก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน