เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. บีบีซีรายงานสถานการณ์ตึงเครียดและเกิดความรุนแรงในพื้นที่ขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์และชาติอาหรับ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา ประกาศรับรองให้สหรัฐเป็นชาติแรกที่ยอมรับนครเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล
กลุ่มสันนิบาตอาหรับ 22 ประเทศ ในจำนวนนี้รวมถึงซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือยูเออี และจอร์แดน มหามิตรของสหรัฐ มีแถลงการณ์เรียกร้องให้สหรัฐทบทวนจุดยืนดังกล่าวในทันที เพราะเป็นต้นเหตุให้ความรุนแรงในเขตเวสต์แบงก์ ของนครเยรูซาเลม
แถลงการณ์ระบุว่า สหรัฐไม่สามารถถือเป็นชาติเป็นกลางผู้ไกล่เกลี่ยปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ได้อีกต่อไป คำประกาศของผู้นำสหรัฐทำให้ปัญหาความแตกแยกรุนแรงยิ่งขึ้น และเสี่ยงต่อการเกิดความรุนแรงในภูมิภาค
รวมทั้งกลุ่มสันนิบาตอาหรับ ซึ่งประชุมฉุกเฉินที่กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ แจ้งด้วยว่าจะขอให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอสซี ประณามสหรัฐ
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีมาห์มูด อับบาส ผู้นำชาวปาเลสไตน์ กล่าวว่า จะไม่พบหารือกับรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ ของสหรัฐ ที่จะเดินทางเยือนชาติตะวันออกกลาง เพราะการกระทำของสหรัฐนั้นถือ” ล้ำเส้น“
ด้านนายเบนจามิน เนตันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล กล่าวว่า ทราบถึงกระแสรุมประณามสหรัฐจากนานาชาติ แต่ข้องใจว่าดหตุใดยูเอ็นหรือชาติอื่นใดจึงไม่ประณามกลุ่มติดอาวุธฮามาสที่ยิงขีปนาวุธเข้ามาในเขตฉนวนกาซ่า ทำให้ชาวยิวต้องสูญเสียชีวิตเมื่อ 8 ธ.ค. หลังกลุ่มฮามาสประกาศสงครามกับอิสราเอลเพราะโกรธแค้นคำประกาศของสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ผู้นำอิสราเอลไม่ได้เอ่ยถึงการยิงจรวด 2 ลำตอบโต้มายังศูนย์ทหารของฮามาสในฉนวนกาซาทางตอนเหนือ จนพื้นที่พังยับเยิน มีผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บหลายสิบคน