เมื่อ 10 ธ.ค. บีบีซีรายงานว่า เกิดการปะทะกันระหว่างหน่วยควบคุมฝูงชนของทางการเลบานอนกับผู้ชุมนุมประท้วงที่โกรธแค้นกรณีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา ประกาศยอมรับนครเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ส่งผลให้สหรัฐถูกประณามนานาชาติ รวมไปถึงพันธมิตรของสหรัฐด้วย ทั้งยังทำให้เกิดการประท้วงตามท้องถนนในหลายแห่ง อาทิ จอร์แดน ตุรกี ปากีสถาน อียิปต์ ดินแดนปาเลสไตน์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย มีผู้ประท้วงจำนวนหลายหมื่นคน

ความรุนแรงดังกล่าวเกิดขึ้นที่ด้านหน้าสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐในกรุงเบรุต โดยผู้ชุมนุมบางส่วนขว้างปาหินทำลายอาคารและจุดไฟเผาสิ่งของในบริเวณใกล้สถานทูต ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ต้องยิงกระสุนแก๊สน้ำตาเพื่อขับไล่ฝูงชน และวางสิ่งกีดขวางบนถนนสายหลักที่ไปสู่สถานทูต แต่ผู้ชุมนุมฝ่าสิ่งกีดขวางไปได้และส่วนหนึ่งพยายามปีนข้ามรั้วลวดหนาม และเข้าไปทางประตูหน้าของสถานทูต แต่เจ้าหน้าที่เข้าสกัดกั้นอย่างสุดกำลัง โดยผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ต่างตะโกนด่าทอประธานาธิบดีทรัมป์ ส่วนนายฮานนา การิบ เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เลบานอน โจมตีว่าสหรัฐเป็นศัตรูของชาวปาเลสไตน์

นักศึกษาเลบานอนจุดไฟเผาธงชาติอิสราเอลและสหรัฐอเมริกา รวมทั้งรูปนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ/ AFP PHOTO

สวมหน้ากากประท้วง/ AFP PHOTO

ด้านสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก ทรงกล่าวเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้สติปัญญาและความรอบคอบในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยทรงระบุว่าจะสวดภาวนาเพื่อให้เหล่าบรรดาผู้นำชาติต่างๆ มุ่งมั่นต่อภารกิจเพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรงรอบใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สำคัญและยากลำบากนี้

แถลงการณ์ของสำนักวาติกัน ระบุว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงระบุว่า นครเยรูซาเลมนั้นเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ต่อทั้งคริสตศาสนิกชน ชาวยิว และมุสลิม รวมทั้งเน้นย้ำว่า สันติภาพที่ยั่งยืนจะเกิดขึ้นได้จากการเจรจาสองฝ่ายระหว่างทางการอิสราเอลกับปาเลสไตน์เท่านั้น เพื่อรักษาความสงบสุขของการอยู่ร่วมกันภายใต้พรมแดนซึ่งได้รับการยอมรับจากนานาชาติ

เด็กหญิงตัวน้อยสวมชุดธงชาติปาเลสไตน์/ AFP PHOTO

ตำรวจฉีดน้ำสลายการชุมนุม/ AFP PHOTO

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน