เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. เดอะการ์เดียนรายงานการค้นพบโครงกระดูกเพนกวินยักษ์ สายพันธุ์ปาเลโอซีน ที่นิวซีแลนด์ เชื่อว่าเป็นเพนกวินโบราณที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีส่วนสูงอยู่ที่ประมาณ 177 เซนติเมตร หนักประมาณ 101 กิโลกรัม หรือมีขนาดพอๆ กับมนุษย์และใหญ่กว่าเพนกวินจักรพรรดิที่มีส่วนสูง 121 เซนติเมตร น้ำหนักราวๆ 39 กิโลกรัม
การค้นซากโครงกระดูกนกแพนกวินยักษ์ที่นิวซีแลนด์ ซึ่งมีอายุประมาณ 55 – 59 ล้านปี และยังเป็นหนึ่งในแพนกวินยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
เพนกวินสายพันธุ์นี้ ตั้งชื่อตามภาษาเมารีว่า กูมิมานู บิเซแอ (Kumimanu biceae) เป็นการผสมคำระหว่างกูมิ (Kumi) มีสองความหมายคือใหญ่ และสัตว์ประหลาดในตำนาน ส่วนมานู (Manu) แปลว่านก ส่วนบิเซแอ (biceae) เป็นการตั้งชื่อตาม เบียทริซ เอ. เทนนิสัน แม่ของอลัน เทนนิสัน นักวิจัยอาวุโสในทีมที่ค้นพบ
ด้านนายเกอราลด์ มายเออร์ นักบรรพชีวินจากสถาบันเซงเกนแบร์ก ซึ่งเป็นสถาบันด้านบรรพชิวินวิทยา หรือการทำวิจัยเกี่ยวกับโครงกระดูกของสัตว์ในโลกล้านปี ในแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี อธิบายว่าเพนกวินยักษ์ในอดีตไม่ได้มีสีขาวและดำ แต่มีสีขนน้ำตาลและมีปากที่ยาวกว่านกเพนกวินในปัจจุบัน
ตัวมันผอมกว่า ดูไม่น่ารักเหมือนเพนกวินในปัจจุบัน นอกจากนี้นกเพนกวินโบราณชนิดนี้ยังสูงที่สุดใน บรรดาเลือดเนื้่อเชื้อไขของเพนกวินทั้งหมดอีกด้วย
นอกจากนี้แพนกวินแต่เดิมแล้วเป็นสัตว์ที่บินอยู่บนท้องฟ้าเหมือนกับนกเมื่อ 10 ล้านปีก่อน และค่อยๆ วิวัฒนาการลงมาอยู่มาใต้น้ำ และบนพื้นดิน เพนกวินบางสายพันธุ์มีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งบางสายพันธุ์มีส่วนสูงเพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยปกติที่ 80 เซนติเมตรถึงสองเท่า
ทั้งนี้แพนกวินยักษ์สายพันธุ์กูมิมานู บิเซแอได้สูญพันธุ์ไปแล้วกว่า 20 ล้านปี นับตั้งแต่มีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอย่าง วาฬ แมวน้ำ และสัตว์จำพวกเดียวกันชนิดอื่นกำเนิดขึ้น แต่สาเหตุการสูญพันธุ์ของเพนกวินยักษ์ก็ยังไม่แน่ชัด แต่อาจเป็นไปได้ว่าแพนกวินสายพันธุ์นี้อาจตกเป็นอาหารของสัตว์น้ำเลี้ยงลูกด้วยนม หรืออาจจะตกเป็นอาหารของสัตว์สายพันธุ์อื่นๆ ที่เป็นนักล่าในห่วงโซ่อาหาร
ยังมีข้อมูลด้วยว่าแพนกวินสายพันธุ์โคลอสซัส หรือ สายพันธุ์เปแลยูไดป์เตส คเลโควสกีย์ Palaeeudyptes klekowskii ที่ค้นพบในแอนตาร์กติกาในปี 2557 อาจมีน้ำหนักและส่วนสูงมากกว่าเพนกวินสายพันธุ์ที่พบซากโครงกระดูกที่นิวซีแลนด์ โดยมีความสูงตั้งแต่ส่วนปลายของจงอยปากจนถึงเท้าถึง 2 เมตร และหนัก 115 กิโลกรัม