ประท้วงฮ่องกง : จีนเตรียมประกาศใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกง อะไรคือสิ่งที่ชาวฮ่องกงกังวลที่สุด – BBCไทย
หลังการประท้วงยืดเยื้อในฮ่องกงต้องมาสะดุดเพราะวิกฤตไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ อุปสรรคใหญ่ล่าสุดสำหรับผู้ประท้วงคือการที่จีนเตรียมใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกง ทำให้หลายฝ่ายกลัวว่าชาวฮ่องกงจะถูกลิดรอนเสรีภาพทั้งหมด
เรารู้อะไรเกี่ยวกับกฎหมายฉบับนี้บ้าง และอะไรคือสิ่งที่ชาวฮ่องกงกังวลที่สุด
กฎหมายนี้คืออะไร
ก่อนอื่นเลย ทางการจีนได้ส่งร่างกฎหมายนี้ให้สภาประชาชนแห่งชาติจีน(NPC) พิจารณา โดยจะมีการลงมติ (และน่าจะได้รับการอนุมัติ) ในสัปดาห์หน้า
ระหว่างนี้ เรายังไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับกฎหมายนี้มากนัก แต่เรารู้ว่าการกระทำดังต่อไปนี้จะถือว่าเป็นอาชญากรรม
- การแยกดินแดนออกจากประเทศ
- การล้มล้างอำนาจหรือการปกครองของรัฐบาลกลาง
- การก่อการร้ายโดยใช้ความรุนแรงหรือการข่มขู่
- การกระทำใด ๆ โดยกองกำลังต่างชาติที่เข้ามาแทรกแซงในฮ่องกง

Reuters / ย้อนไปเมื่อปี 2003 รัฐบาลเคยพยายามประการใช้กฎหมายความมั่นคง แต่ก็ต้องยอมแพ้หลังมีคนราว 5 แสนคนออกมาประท้วงตามท้องถนน
เนื้อหาส่วนหนึ่งของร่างกฎหมายที่ทำให้บางฝ่ายรู้สึกกังวลเป็นพิเศษคือ จีนอาจสามารถก่อตั้งสถาบันต่าง ๆ ที่ทำหน้าที่รักษาความมั่นคงแห่งชาติขึ้นภายในฮ่องกงได้
นั่นหมายความว่า จีนอาจจะมีหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในฮ่องกง เพิ่มจากที่ฮ่องกงมีอยู่แล้ว
- ตำรวจใช้กระสุนจริงระหว่างปะทะกับผู้ชุมนุมในชั่วโมงเร่งด่วน
- สภานิติบัญญัติเพิกถอนร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนอย่างเป็นทางการแล้ว
- โจชัว หว่องลั่นถอนร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนตอนนี้ไม่มีประโยชน์แล้ว
- อะไรทำให้นักเรียนมัธยมนับหมื่นโดดเรียนร่วมประท้วงทางการ
ทำไมจีนถึงทำเช่นนี้
เขตปกครองพิเศษฮ่องกง ถูกส่งมอบคืนจากการปกครองของสหราชอาณาจักร เมื่อปี 1997 ภายใต้สัญญาของรัฐบาลจีนว่าจะใช้วิธีการปกครองแบบ “หนึ่งประเทศสองระบบ” และอยู่ภายใต้ กฎหมายพื้นฐาน (Basic Law) ซึ่งเปรียบเสมือน “อนุรัฐธรรมนูญ” ของฮ่องกง ซึ่งรับรองเสรีภาพของประชาชนในการชุมนุมและแสดงความคิดเห็น การมีกระบวนการยุติธรรมท่ีเป็นอิสระ และมีสิทธิบางอย่างที่หาไม่ได้ในจีนแผ่นดินใหญ่
ภายใต้สัญญาเดียวกันนี้ ฮ่องกงจะต้องประกาศใช้กฎหมายความมั่นคงของตัวเอง แต่ก็ไม่เคยเกิดขึ้น เนื่องจากทำให้ชาวฮ่องกงจำนวนมากไม่พอใจ ย้อนไปเมื่อปี 2003 รัฐบาลเคยพยายามครั้งหนึ่ง แต่ก็ต้องยอมแพ้หลังมีคนราว 5 แสนคนออกมาประท้วงตามท้องถนน
จากนั้น เมื่อปีที่แล้ว การประท้วงกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้กลายเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยและต่อต้านจีนครั้งใหญ่
จีนไม่อยากจะเห็นสิ่งนั้นเกิดขึ้นอีก
ทำไมคนในฮ่องกงถึงเกรงกลัว

แม้จะยังไม่มีกฎหมายเป็นรูปธรรม แต่ชาวฮ่องกงก็กังวลแล้วว่าจะสูญเสียเสรีภาพ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองจีนอย่าง วิลลี แลม กังวลว่า กฎหมายนี้จะทำให้ชาวฮ่องกงถูกลงโทษได้หากวิพากษ์วิจารณ์ทางการจีน เหมือนกับที่เป็นอยู่แล้วในจีน
คนกังวลว่านี่จะส่งผลต่อเสรีภาพในการแสดงออก ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำได้อยู่ในขณะนี้แต่จีนถือว่าเป็นการล้มล้างอำนาจหรือการปกครองของรัฐบาลกลาง
โจชัว หว่อง หนึ่งในแกนนำผู้ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย ได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลต่างชาติยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ และล่าสุด ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์แผนบังคับใช้กฎหมายนี้ของจีนแล้ว
โจฮานส์ ชาน นักวิชาการด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยฮ่องกงบอกว่า การพิจารณาคดีที่เกี่ยวกับความมั่นคงประเทศเกือบทั้งหมดจะดำเนินการแบบลับ ๆ
“ไม่เคยแน่ชัดว่าข้อกล่าวหาหรือหลักฐานคืออะไร และคำว่าความมั่นคงแห่งชาติก็คลุมเครือจนสามารถหมายถึงอะไรก็ได้”
ท้ายที่สุดแล้ว คนจะเริ่มตระหนักว่าเสรีภาพที่ถูกทำลายจะเท่ากับว่าฮ่องกงไม่น่าดึงดูดในฐานะศูนย์กลางทางเศรษฐกิจอีกต่อไป
ผู้สังเกตการณ์มองว่ากฎหมายนี้จะไม่ได้ส่งผลแค่เชิงการเมือง แต่เป็นเรื่องสภาพเศรษฐกิจของฮ่องกงในอนาคตด้วย
จีนจะทำสำเร็จไหม

Getty Images ภายใต้การปกครองของสี จิ้นผิง รัฐบาลจีนกำลังพยายามควบคุมฮ่องกงมากขึ้น
แม้ Basic Law ไม่อนุญาตให้จีนแผ่นดินใหญ่บังคับใช้กฎหมายใด ๆ ในฮ่องกง ทว่ารัฐบาลจีนอาจใช้กลไกของภาคผนวกที่ 3 ใน Basic Law ที่เปิดช่องให้ฮ่องกงต้องเคารพกฎหมายของจีนได้
กฎหมายเหล่านี้ยังสามารถประกาศใช้ในรูปแบบพระราชกฤษฎีกาได้ นั่นหมายความว่าไม่ต้องผ่านการอนุมัติของรัฐสภาฮ่องกง
แครี่ แลม ผู้ว่าการเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ก็ออกมาบอกแล้วว่าจะให้ความร่วมมือให้ใช้กฎหมายนี้ให้ได้เร็วที่สุด
แต่ฝ่ายผู้วิพากษ์วิจารณ์มองว่านี่เป็นการละเมิดข้อตกลงเเรื่อง “หนึ่งประเทศสองระบบ”
ร่างกฎหมายนี้ยังชี้อีกด้วยว่ารัฐบาลฮ่องกงเองก็ต้องประกาศใช้กฎหมายความมั่นคงของตัวเองแยกไปอีกฉบับ
ด้วยความที่คุณค่าของระบบกระบวนการยุติธรรมทางอาญา
ในจีนและฮ่องกงแตกต่างกันมาก ศ.โจฮานส์ ชาน มองว่า กฎหมายอาญาใด ๆ ก็ตามที่จะประกาศใช้ ควรผ่านรัฐสภาฮ่องกง ไม่ใช่สั่งตรงจากจีน