ปัญหาน่องใหญ่เป็นปมด้อยของสาวๆ จำนวนไม่น้อย ขั้นนอยด์จนเสียเซลฟ์ ไม่กล้าใส่นุ่งเหนือตาตุ่ม กลายเป็นคนแต่งตัวเชยทั้งชีวิต หลายคนออกกำลังกายหาท่าช่วย บางคนลงทุนไปฉีดโบท็อกซ์ ฯลฯ ซึ่งล้วนเป็นวิธีที่ผิด และวิธีไหนล่ะคือทางแก้ที่ถูกต้อง?!

วิธีลดน่องใหญ่ หนึ่งในหัวข้อกระทู้ที่สาวชาวพันธุ์ทิพย์โพสต์ลงบ่อยที่สุดคือ น่องขาใหญ่ จนถูกคนล้อเลียนว่าขาหมูบ้าง ขาโต๊ะสนุ๊กบ้าง ฯลฯ

“คือเป็นปัญหามากคะ ไม่กล้าใส่ขาสั้นเลย ขาใหญ่เหมื่อนนักมวย ล่าสุดมีเพื่อน ผช. มาถามว่า ทำยังไงให้กล้ามขาขึ้น รู้สึกจุก แบบบอกไม่ถูกเลยคะ…”

“อยากหาวิธีลดน่อง อยากทราบว่าถ้าเป็นแบบนี้ใช้วิธีออกกำลังกายจะลดได้หรือเปล่า”

และอีกมากมายหลายข้อสงสัย วันนี้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามและเรียวขา “พญ.ชวนัฐดา เกยานนท์” หรือ “หมอปาล์ม” ผู้ก่อตั้ง Infinity Clinic by Dr.Palm มาอธิบายข้อเท็จจริงที่หลายคนไม่รู้

ออกกำลังเยอะ ใส่ส้นสูงบ่อย ตัวการน่องใหญ่

“หนึ่ง-กรรมพันธุ์ เพราะกรรมพันธุ์เป็นตัวให้โครงเรามา ว่าเราเป็นคนโครงใหญ่หรือโครงเล็ก” หมอปาล์มพูดถึงสาเหตุของน่องใหญ่

“สอง-การออกกำลังกายเยอะ คนชอบเข้าใจผิดว่า การออกกำลังกายทำให้ขาเล็ก จริงๆ คือ ผิด มันทำให้ขาบนเล็กลงได้ แต่สำหรับน่อง ไม่มีอะไรที่ทำให้เล็กลงได้ คิดง่ายๆ เหมือยกเวท การยกเวทไม่มีการทำให้กล้ามเนื้อเล็กลง มีแต่ทำให้กล้ามเนื้อใหญ่ขึ้น แต่ว่ากระชับขึ้น เรารู้สึกไขมันลดน้อยลง เช่นเดียวกัน การวิ่ง การกระโดด การปั่นจักรยาน ทุกอย่างล้วนทำให้ตัวน่องใหญ่ขึ้น ดังนั้นการออกกำลังกายไม่ใช่ทางออก”

“สาม-การใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ใส่ส้นสูงบ่อย เมื่อใดที่ใส่ส้นสูง มันเกิดการเขย่ง น่องก็จะใหญ่บวมตามมา เหมือนการยกเวท การใส่ส้นสูงเหมือนการยกเวท เป็นการกระตุ้นให้กล้ามเนื้อใหญ่ขึ้น”

“อาชีพที่ต้องมีการเขย่งตลอด อย่างนักบัลเล่ต์ จริงๆ แล้วนักบัลเล่ต์มีกล้ามเนื้อน่องใหญ่มาก เค้าผอมทำให้ดูเล็ก แต่เค้ายืนปุ๊บ น่องออกเป็นลูกเลย”

หมอปาล์มบอกว่าถ้าอยากรู้ว่าน่องเราเข้าข่ายใหญ่มั้ย ให้ลองยืนเขย่งหรือใส่ส้นสูง หากมีลูกออกมาน่าเกลียดเหมือนน่องไก่ นั่นแหล่ะน่องคุณใหญ่แล้ว

ดูดไขมัน จิ้มโบท็อกซ์ ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา

น่องประกอบด้วยกระดูกกับกล้ามเนื้อ 80-90% และเป็นไขมันหรือคอลลาเจนแค่ 10% เท่านั้นเอง ดังนั้นบางคนที่ชอบไปดูดไขมันที่น่อง มันผิด มันไม่ช่วย เพราะแค่ 10% ไขมันหายไปก็ไม่แตกต่าง

ส่วนอวัยวะอื่น อย่างเช่นต้นแขนต้นขาที่ประกอบไปด้วยไขมัน 30-40% ถ้าใช้วิธีดูดไขมัน นั่นสิถึงจะเห็นผล

“ดังนั้นถ้ามาลดที่ตัวกล้ามเนื้อหรือกระดูก แน่นอน จะเห็นผลได้มากกว่า เมื่อก่อนมีวิธีการทุบกระดูก เป็นการผ่าตัดค่อนข้างใหญ่ พักฟื้นค่อนข้างนาน” ไม่เป็นวิธีที่ได้รับความนิยม ทว่าวิธีที่ได้รับความสนใจตอนนี้คือ การฉีดโบท็อกซ์”

“คนค่อนข้างรู้จักวิธีโบท็อกซ์ หลักการเดียวกับฉีดที่หน้า หนึ่งใบหน้าใช้ประมาณ 100 ยูนิต หรือประมาณ 1 ขวด แต่ที่น่องซึ่งใหญ่กว่าที่หน้า หนึ่งข้างต้องมีอย่างน้อย 2 ขวดต่อครั้ง ดังนั้นสองข้างใช้ประมาณ 4 ขวด แล้ววิธีโบท็อกซ์ เวลาฉีดไปปุ๊บ มันไม่ได้การันตีว่า มัดกล้ามเนื้อจะลงหมด คือ เราฉีดแบบแรนดอม (random) มันควรจะลงๆ แต่บางครั้งเนื่องจากปริมาณโบท็อกซ์ไม่พอ อาจทำให้บางจุดปูด บางจุดไม่ปูด”

ข้อด้อยของการฉีดโบท็อกซ์ลดน่อง ได้แก่

ข้อแรก-ต้องใช้ในปริมาณสูงมาก ซึ่งใช้เงินสูงมาก ข้อสอง-อยู่ได้สั้นแค่ 4-6 เดือน เข้าเดือนที่ 4 ก็เริ่มคลาย และถ้าฉีดปริมาณไม่พอ สองข้างฉีดแล้ว 4 ขวด ไม่พอ ก็ต้องมาเติมอีก ไม่งั้นก็จะปูดไม่เท่ากัน ข้อสาม-เป็นตะปุ่มตะป่ำ ไม่ค่อยราบเรียบ ข้อสี่-ยิ่งฉีดปริมาณเยอะๆ ในครั้งเดียวกัน ทำให้มีโอกาสดื้อโบท็อกซ์สูง ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมา ต่อไปฉีดหน้า ก็ไม่เวิร์คแล้ว เช่น มีตีนกา ฉีดริ้วรอย มันก็ไม่หาย เพราะร่างกายดื้อไปแล้ว

หมอปาล์มเล่าว่า จริงๆ มีอีกวิธีที่มักทำกัน หลังจากร่างกายต่อต้านโบท็อกซ์

“ทางเลือกต่อไปคือ ผ่าตัดกล้ามเนื้อออกเลย เป็นการผ่าตัดใหญ่ ดังนั้นต้องดมยาสลบ”

“การดมยาสลบหลายๆ รอบในชีวิตไม่ดีอยู่แล้ว เหมือนร่างกายควบคุมไมได้ ถ้าจำเป็นผ่าตัดไส้ติ่งผ่าเนื้องอก ต้องดมยาสลบ ก็โอเค แต่นี้แค่น่อง การที่ต้องสลบบ่อยๆ เป็นข้อเสีย และพักฟื้นค่อนข้างนาน เอามีดกรีดและเลาะกล้ามเนื้อออก กว่าจะเดินได้ อย่างน้อยต้อง 2 อาทิตย์ขึ้นไป รวมทั้งเกิดแผลเป็น ไม่รู้ว่าเมื่อ่ไรจะหายด้วย”

สลายน่องด้วยคลื่นไฟฟ้า ได้ผลชั่วคราวแต่ไม่เสี่ยง

เป็นการปล่อยคลื่นไฟฟ้าเข้าไปสลายกล้ามเนื้อในน่อง

“เรียกว่า ผ่าตัดเล็ก ไม่ต้องใช้มีด ไม่มีการเสียเลือด ใช้แค่เข็มเล็กๆ เหมือนหนวดกุ้ง ใส่เข้าไปในบริเวณกล้ามเนื้อที่ต้องการทำให้มันเล็ก ข้างหนึ่งจิ้มประมาณ 1-3 จุด”

ข้อดี 1.ไม่ต้องผ่าตัด 2.ไม่ต้องดมยาสลบ 3.ไม่ต้องพักฟื้น 4.ไม่เกิดการดื้อยา 5.เวลาทำไปแล้ว ขาไม่มีตะปุ่มตะป่ำ เพราะเก็บทุกมัด โบท็อกซ์จิ้มเป็นจุด แต่เทคนิคนี้คือคว้านจนกล้ามเนื้อมัดนั้นหมด

 

ทว่าก็มีข้อจำกัดกว่าจะเห็นผลชัด ต้องใช้เวลา 3 เดือน, อยู่ได้นานเพียง 1-2 ปี, และไม่อาจลดได้ขาเรียวดั่งใจวาดฝัน เพราะขึ้นกับโครงสร้างกระดูกโครงของคนๆ นั้นด้วย

“กล้ามเนื้อจะเล็กที่สุดได้ ขึ้นอยู่กับโครงกระดูก ไม่ใช่ขาใหญ่มาก จะให้เล็กแบบคนที่ขาเล็ก มันเป็นไปไม่ได้ และคนที่เคยอ้วนแล้วผอม ผลออกมาก็จะหย่อนๆ กระชับยาก ผลลัพธ์อาจไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง”

“หลังทำเสร็จ ต้องอาศัยเวลารอ 3 เดือนถึงเห็นผลชัดที่สุด เนื่องจากว่ากล้ามเนื้ออยู่ข้างใน ข้างนอกจะเป็นผิวหนังกับคอลลาเจนหุ้มอยู่ กล้ามเนื้อเล็กลงแล้วแต่คอลลาเจนหดตัวตามมาไม่ทัน คล้ายคนดูดไขมันมา หลักการเดียวกัน ดังนั้นต้องใส่ถุงน่องทุกวันอย่างน้อยวันละ 8 ชม.เพื่อให้มันหดรัดลงไปกับกล้ามเนื้อที่เล็กลงไปแล้ว”

“และเป็นวิธีที่ไม่ถาวร อยู่ได้แค่ 1-2 ปี สมมุติเกิดเคสที่แย่ที่สุด จิ้มไปคลายกล้ามเนื้อผิดจุด ทำให้กระดูกปลายเท้ากระดกขึ้นมาไม่ได้ ถ้ามันเกิดขึ้น มันจะหายภายในสามเดือน มันไม่ถาวร มันจึงเป็นข้อดี ไม่ใช่ว่าตัดกล้ามเนื้อนั้นแล้ว หายไปเลย แล้วชาตลอดชีวิต เพราะไม่กลับมาแล้ว”

สาวน่องใหญ่ทั้งหลายพิจารณาข้อดีข้อเสียของแต่ละวิธีนะคะ ทั้งนี้หมอปาล์มยังฝากวิธีการปรับออกกำลังกายเพื่อไม่ให้น่องโต

ออกกำลังกายได้แต่อย่าเน้นน่อง อย่างวิ่ง อย่าวิ่งเร็วมาก เพราะการวิ่งเร็วมาก เท่ากับเขย่งตลอด แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นเดินเร็วแทน ก็สามารถคุมเท้าให้แปะลงบนพื้นได้ตลอด จะไม่เกิดการเขย่ง และควรงดกระโดดบนพื้น ไปกระโดดบนแทรมโพลีน (trampoline) ดีกว่า มีแรงส่ง ไม่ใช่กระโดดบนพื้นที่มีการเขย่งเรื่อยๆ

 

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน