ว่าที่ส.ส.หมอเอ้ก คณวัฒน์” หนังหน้าหล่อขั้นเทพ หุ่นก็แซ่บแค่เห็นแผ่นหลัง ชะนีเก้งกวางก็ระทวยแล้ว แต่เขากลับถูกเหยียดเพราะหล่อเกิ๊น วันนี้เขามานั่งเปิดใจ…โดนสบประมาทโดนกลั่นแกล้งอะไรบ้าง และผู้หญิงแบบไหนที่เขาต้องการ?

นักการเมืองหล่อ ในฤดูกาลหาเสียง หนึ่งในผู้สมัครฯ หน้าใหม่ที่ออกหน้าสื่อบ่อยมากที่สุด ต้องยกให้คือ “หมอเอ้ก คณวัฒน์ จันทรลาวัณย์” จากพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยบุคลิกหน้าตาและโปรโฟล์แน่นปัง นอกจากเคยถ่ายโฆษณาเล่นหนังเล่นละครแล้ว ยังเคยได้รับเลือกเป็นจุฬาฯคฑากร พอเรียนจบเป็นแพทย์เต็มตัว ก็มักเป็นข่าวติดอันดับหมอหล่อที่สุดในประเทศบ้าง, คุณหมอสุดหล่อที่สาวๆ เห็นแล้วต้องอยากป่วยบ้าง, ขึ้นทำเนียบหมอแซ่บต้องบอกต่อ หมอหล่อห่อให้ด้วย กลายเป็นแฮชแท็กที่ใครหลายคนในโซเซียลให้คำนิยาม ฯลฯ

ปัจจุบันเข้าสู่ถนนการเมือง เปิดตัวเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ กลุ่ม New Dem ค่ายพระแม่ธรณีบีบมวย สาวๆ พากันกรี๊ด จนเกิดวลีเข้าคูหากาหัวใจ, พรรคใจไว้ที่หมอ, หล่อเทพบุตร, ดีต่อใจคนกรุง, ขนาดหันหลังยังหล่อ, ติ่งบางคนพูดเลย ถ้าหมอเอ้กได้เข้าสภาฯ จะไปยกป้ายไฟเชียร์ส่งเข้าสภาฯ

ทว่า-หน้าตาดีมีชัยไปกว่าครึ่ง- ใช้ไม่ได้กับหมอเอ้กนัก ตรงกันข้าม เขาต้องทำงานหนัก แสดงกึ๋นความกล้า พิสูจน์ความมุ่งมั่นมากกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ

ถามหนึ่ง : หน้าตาหล่อ เป็นข้อได้เปรียบมั้ย

ตอบ :ความหล่อเป็นดาบสองคม ข้อดี คนอาจชื่นชมรูปลักษณ์ภายนอก เข้ามาฟังผม แต่การเลือกใครมาเป็นผู้แทนฯ มันมากกว่านั้น มันเรื่องนโยบาย คุณทำอะไรให้เค้าได้บ้าง มันไม่ใช่เรื่องของรูปลักษณ์ภายนอกอย่างแน่นอน ข้อเสีย บางคนบอกหล่ออย่างเดียวหรือเปล่า ทำอะไรเป็นบ้าง หล่ออย่างเดียวจะมาทำอะไรให้บ้านเมืองได้บ้าง พรรคประชาธิปัตย์ทำแบบนี้อีกแล้ว ขายความหล่อ ผมก็บอกพรรคเราคัดที่ความสามารถ หน้าตามันมามันเป็นแบบนี้อยู่แล้ว เราไม่สามารถที่จะไปแก้ได้

ถามสอง : โดนว่าอะไรบ้าง

ตอบ : “ผมโดนหลายอย่างมาก เช่น ดีเฉพาะหน้าตา ทำจริงได้เหรอ พรรคประชาธิปัตย์เอาคนหล่อมาขายอีกแล้ว ฟังเหมือนคำชม แต่จริงๆ คือ การเหยียดในเชิงบวก หลักการนี้ภาษาอังกฤษเรียกว่า Positive Discrimination”

“การเสนอตัวมาทำงานการเมือง เหมือนการขายหนังสือ บางคนชอบปกแล้วซื้อเลย บางคนชอบปกแล้วเข้าไปอ่านเนื้อหาในหนังสือแล้วค่อยซื้อ บางคนเห็นปกแต่ไม่สนใจ ต้องเข้าไปอ่านเนื้อหาในหนังสือ มันเป็นเรื่องธรรมชาติ เพราะฉะนั้นผมไม่โกรธเลย เพียงแต่ผมทำหน้าที่ของผมเป็นปากเป็นเสียงว่า เฮ้ย มันมีเรื่องการเหยียดเชิงบวก ที่เราต้องพิจารณา เพราะมันกระทบต่อการผลักดันนโยบายต่างๆ อย่าง สิทธิ์ของ *LGBTQ เป็นต้น”

(*หมายถึงกลุ่มเพศทางเลือก โดยตัวอักษรเหล่านี้ก็ย่อมาจากสมาชิกในกลุ่ม คือมาจาก Lesbian, Gay, Bisexual, Transgender, Queer)

ถามสาม : เห็นเพิ่งไปร่วมงานอีเว้นต์ที่เชียงใหม่ โลกโซเชียลฯ แชร์รูปคุณหมอเยอะมาก

ตอบ : “ผมก็งงเหมือนกัน ทีมงานบอกรูปที่ถูกแชร์มากที่สุด คือ รูปที่ผมถือป้ายของในงาน จริงๆ แล้ว ทีมงานของคุณกรณ์โพสต์รูปนี้ในเพจส่วนตัว และแท็กผม ไม่ได้เอาลงในเพจผมแต่แรก”

ถามสี่ : จะไปขยายตลาดกับเพศที่สามหรือคะ

ตอบ : “(หัวเราะ) ไม่ครับ ต้องบอกแบบนี้ครับ อันดับแรก ผมลงส.ส.เขต ไม่ได้ลงปาร์ตี้ลิสท์ ไม่ได้ลงแคนดิเดทนายกฯ อันดับสอง ผมลงส.ส.เขตบางซื่อ และเขตบางซื่อ-ดุสิต (เฉพาะแขวงนครไชยศรี) จึงไม่ได้คาดหวังอะไรขนาดนั้น”

“ส่วนเรื่องสิทธิ์ LGBTQ ผมมีเพื่อนเยอะมากที่เป็นเพศอื่นๆ ผมเห็นด้วยเลยกับจุดยืนของ New Dem กับพรรคประชาธิปัตย์ ในการให้เพศเหล่านี้เท่าเทียมกับพวกเรา ตอนนี้หลายพรรคไปโหนกระแสหรือพูดถึงพรบ.คู่ชีวิต”

เรามองว่าไม่ใช่การที่เราจะต้องสร้างเพศหรือทางขึ้นมาใหม่ให้เค้าเป็น ถ้าเรายอมรับว่าเค้าเป็นเหมือนเรา เราก็แค่ทำให้เค้าเหมือนเรา นี่คือ การแก้กฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1448 กฎหมายนี้บอกว่าสิทธิ์ในการสมรสเกิดขึ้นระหว่างหญิงกับชาย เราสนับสนุนว่ามันควรจะเปลี่ยนเป็นบุคคลกับบุคคล

เพียงแต่ว่าที่เป็นกระแสขึ้นมา เพราะว่าผมไปร่วมอีเว้นต์ Chiang Mai Pride 2019 หรือ 10 ปีเสาร์ซาวเอ็ดรำลึก เพราะครบรอบรำลึกที่ 10 ปีที่แล้ว ที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นที่เชียงใหม่ที่ปิดล้อมคนพวกเค้า ผมอยากไปสนับสนุนและไปแสดงจุดยืน

“ทีนี้ในโครงสร้างพรรคประชาธิปัตย์ พยายามผนึกระหว่างคนรุ่นใหม่กับผู้ใหญ่ที่อยู่ในพรรค ผมจับคู่บัดดี้กับคุณกรณ์ ผมก็ชวนพี่กรณ์ขึ้นไปด้วยกัน ไม่ได้ไปเพื่อขยายตลาดอะไรเลย ไม่ได้หวังผลอะไรเลย”

ถามห้า : แล้วที่โพสต์ภาพถ่ายกับแฟนคลับพรรคอื่น จะไปแย่งตลาดเค้าเหรอคะ

ตอบ : “(หัวเราะ) ไม่ใช่ ไม่ได้ไปเอาตลาดเค้ามา การเมืองแบ่งขั้วเยอะมากครับตอนนี้ ผู้สมัครฯ พวกเราเจอหน้ากันก็ทักทายกันปกติ หลายๆ รูปทีมงานพรรคอื่นก็ขอถ่ายรูปกับผม ผมไม่มีปัญหาอะไร เต็มที่เลย ถ่ายรูปกัน หรือบางอันผมไปขอถ่ายรูปกับเค้า”

ที่ผมลง เพราะผมต้องการแสดงให้เห็นว่าที่หลายคนบอกต้องฆ่าแกงกัน เอาชนะกันในทุกวิถีทาง มันไม่ใช่แบบนั้นหรอก ก็เป็นจริงมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นมากดไลค์ภายใน 1 ชม.เป็นพันทั้งที่เนื้อหาผมแค่อยากบอกว่าเราอย่าแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันขนาดนั้น มาพูดคุยในอุดมการณ์การเมืองที่แตกต่างกัน มาหาทางออกที่เหมาะสมสอดคล้องกับประเทศด้วยกันได้

ถามหก : แต่รถคุณหมอโดนแอบขูดรอบคันเลย

ตอบ : “มีหลายคนถามไปแจ้งความล่ะยัง หาตัวคนทำล่ะยัง ผมบอกเลยว่าผมไปลงบันทึกประจำวัน เคลมประกัน แต่ผมคงไม่ไปหาคนทำ เพราะผมไม่อยากเสียเวลาในการเข้าหาพี่น้องประชาชน คนที่มาทำแบบนี้ต้องการให้ผมเสียเวลาไปทำอย่างอื่น ผมมุ่งมั่นเจอพี่น้องประชาชนดีกว่า

“ต้องบอกว่าในช่วง 12-15 ปีที่ผ่านมา การเมืองไทยติดหล่ม แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ไม่สามารถพูดคุยกันได้ ซึ่งผมรู้สึกเสียใจ ไม่ควรเป็นแบบนั้น ประชาธิปไตยถูกออกแบบให้คนถกเถียงกัน และอยู่ร่วมกันได้ ระบอบประชาธิปไตยไม่ใช่ไม่ต้องพูดคุยกัน แล้วนอนกอดอุดมการณ์ของตัวเองไป”

“เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมเจอมาคือ การเมืองแบบเก่า ผมมั่นใจไม่ใช่ผู้สมัครฯ ที่ทำแบบนั้น”

ถามเจ็ด : ลงพื้นที่หาเสียง เจอฟีดแบ็คแรงๆ อะไร

ตอบ : “โดนว่า โดนด่าไล่ ก็มีครับ เป็นเรื่องปกติ”

ถามแปด : เทคนิคหาเสียงหลากหลายมาก ทั้ง live สด เข้าวัด ไปร่วมเต้นแอโรบิค หรือแม้แต่ตอนรถติด จะเจาะตรงไหนอีก

ตอบ : “ไม่มีเทคนิคเจาะอะไรครับ ผมเป็นคนหน้าใหม่ ผมต้องการเข้าหาพี่น้องประชาชน ต้องเจอให้เยอะที่สุด ทุกอันที่ผมทำ มันคือวิถีชีวิตของคนไทย ผมอาสามาเป็นผู้แทนราษฎร ผมต้องทำงานเข้ากับวิถีชีวิตของคนไทย อะไรที่คนไทยทำ ผมจะเข้าไป รับฟังปัญหา และอะไรที่ผมผลักดันได้ ผมก็จะทำ อย่าง ลานแอโรบิค เค้าก็พูดว่าทำไมในเขตมีลานที่ใหญ่ๆ และคนเดินทางสะดวกคือ ลานนี้ลานเดียว อันอื่นไปอยู่ในชุมชน ผมก็ทำนโยบายสร้างพื้นที่ทำมาหากิน มีลานกีฬาด้วย นี่เป็นนโยบายที่ผมลงพื้นที่จริง ไปเจอวิถีชีวิตของคนไทยจริงๆ ในเขตที่ผมรับผิดชอบ”

ถามเก้า : ครั้งนี้มีผู้สมัครฯ อายุน้อย 20 ปีกว่า 30 ปีต้นๆ แถมมาจากหลากหลายสาขาอาชีพ ขอความคิดเห็น

ตอบ : “ผมไม่สามารถไปวิจารณ์การคัดเลือกผู้สมัครฯ ของพรรคอื่นได้ แต่สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าไปดูประวัติของผู้สมัครฯ แต่ละคน แม้อายุ 25-26 ปี เค้าทุ่มเท และทิ้งอะไรหลายๆ อย่างในโอกาสของชีวิต ผู้สมัครของเราที่คัดสรรมีคุณภาพ ถ้าเค้าไม่มาสายนี้ ไปสายอื่น เช่น สายธุรกิจ เค้าไปได้ไกลแน่นอน แต่เค้าทิ้งโอกาสหลายด้าน และเลือกที่มาเป็นปากเป็นเสียงให้กับพี่น้องประชาชน ผมคิดว่าเค้าคงไม่ได้มาเล่นๆ หรือทำให้การเมืองเลอะเทอะ”

“หลายคนวิพากย์วิจารณ์เรื่องผู้สมัครฯ รุ่นใหม่ที่อายุน้อย ผมว่าอายุเป็นแค่ตัวเลข ผมอยากให้ดูว่าเค้ามุ่งมั่นที่จะผลักดันอะไร ผมคิดว่าหลายครั้งแล้วที่คนไทยให้โอกาสคนที่อายุเยอะ มีประสบการณ์ มีเงินเยอะ คิดว่าจะไม่โกง ก็ให้โอกาสแล้ว ผมคิดว่าไม่แปลกอะไรถ้าจะให้โอกาสคนรุ่นใหม่ที่มุ่งมั่นอยากผลักดันประเทศ อย่ามองว่าพวกเราเป็นเด็กเล่นขายของ เราไม่ได้เป็นแบบนั้น ผู้สมัครฯ พรรคประชาธิปัตย์อายุ 25 ปีมีสิทธิ์และศักดิ์เท่าเทียมกับคนอายุ 50 ปีในการคัดสรรผู้สมัครฯ ลง”

ถามสิบ : แล้วตัวผู้สมัครฯ รุ่นใหม่อายุน้อยเอง ควรเปิดกว้างอะไร

ตอบ : “หลายพรรคอาจมองคนรุ่นใหม่ต้องเสนออะไรที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่เท่านั้น ผมมองว่าไม่ใช่ คนรุ่นใหม่ต้องตระหนักแล้วว่าประเทศไทยกำลังก้าวไปสู่สังคมผู้สูงอายุ คุณเป็นผู้แทนฯ คนเลือดใหม่ เมื่อคุณเข้ามาอยู่ในรัฐสภาเข้ามาอยู่ในอำนาจแล้ว คุณต้องใช้อำนาจในการดูแลคนทุกกลุ่ม ไม่ใช่ตอบเฉพาะคนรุ่นใหม่อย่างเดียว”

ถามสิบเอ็ด : สมมติคนรุ่นใหม่ที่ได้เข้าไปในสภาฯ แม้แต่ตัวคุณหมอเอง อยากทำอะไรแต่เอาเข้าจริงทำได้ยาก

ตอบ : “ผมคิดว่าอันนี้เป็นเสน่ห์ของการเมือง เพราะว่าคงไม่มีใครที่ผลักดัน แล้วบอกว่าผมจะเอาซ้าย ผมจะเอาขวา ถ้างั้นคืออยู่ในระบอบของเผด็จการ แต่ในเมื่อเราอยู่ในระบอบประชาธิปไตย มันมีหลายๆ ฝ่ายที่แสดงความคิดเห็น ที่เสนอมุมมอง และรับฟัง ต้องบอกว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่มีความเป็นประชาธิปไตยสูง เพราะฉะนั้นการจะทำอะไร ก็เป็นหน้าที่ของพวกผมคนรุ่นใหม่ที่เข้าไปที่จะต้องนำเสนอและชี้ให้เห็นว่าสิ่งที่พวกเราผลักดัน มันจะเป็นประโยชน์ต่อประประเทศ ต่อคนทุกรุ่น ถามว่ามันง่ายมั้ย ก็คงไม่ง่าย ก็เหมือนกับการทำงานในรัฐสภา ในระดับประเทศ ที่มีหลายๆ ฝ่ายเหมือนกัน”

คนรุ่นใหม่ไม่ว่าพรรคไหนก็ตาม เมื่อไปอยู่ในรัฐสภา หรือไปอยู่ในฝ่ายบริหารก็ตาม ก็ต้องเจอกับคนทุกรุ่น ซึ่งคนรุ่นใหม่ก็ต้องทำงานกับคนทุกรุ่น คนรุ่นใหม่ต้องตระหนักว่านโยบายที่เค้าผลักดัน ไม่ใช่แค่เพื่อคนรุ่นใหม่อย่างเดียว เมื่อเข้าไป ต้องคุยกับคนหลายฝ่าย ต้องชักจูงให้เห็นว่านี้คือประโยชน์ของประเทศจริงๆ อันนี้คือ เสน่ห์ของการเมือง

ถามสิบสอง : แล้วถ้าสอบตก จะผลักดันอย่างไร

ตอบ : “ผู้สมัครทุกคนที่ลงสมัครสส.มีความคาดหวังที่อยากชนะ แต่ต้องเตรียมตัวเตรียมใจอยู่แล้วถ้าสอบตก จะทำยังไง รับได้มั้ย ถ้าผมสอบตก ผมก็มีนโยบายที่อยากผลักดันเหมือนเดิม แต่คงหาช่องทางอื่นที่จะผลักดันไปให้ได้”

ถามสิบสาม : ช่วงนี้ลงพื้นที่เป็นหลัก วิถีชีวิตเปลี่ยนไปอย่างไร

ตอบ : “ผมเป็นคนชอบออกกำลังกายมาก การออกกำลังกายมีหลายแบบ อย่าง Cardio, Strength Training (เพิ่มกล้ามเนื้อ) ฯลฯ ผมชอบเพิ่มกล้ามเนื้อกับออกกำลังที่เป็นกีฬาเลย ว่ายน้ำ เตะบอล แต่ตอนนี้มีแต่ Endurance (ฝึกความอึด) เดินอย่างเดียว”

ถามสิบสี่ : ชอบผู้หญิงแบบไหน

ตอบ : “เมื่อก่อนผมก็ชอบแบบวัยรุ่นทั่วไป แต่ตอนนี้มาทำงานการเมือง ต้องยอมรับว่ามันมีหลายๆ อย่างที่มีผลกระทบ ซึ่งผู้หญิงที่จะเข้าใจตรงจุดนี้ ผมคิดว่ามีน้อย”

ถามสิบห้า : มาอยู่จุดนี้ ต้องการผู้หญิงเคียงข้างแบบไหน

ตอบ :พอผมมาอยู่ตรงนี้ รู้สึกเลยว่าหลังบ้านสำคัญที่สุด คนที่จะมาดูแลหลังบ้าน มา support ตรงนี้สำคัญมาก นักการเมืองทำงานอยู่ข้างหน้าผลักดันทำอะไรให้ประเทศ แต่นักการเมืองก็คือมนุษย์ธรรมดา ก็ต้องมีหลังบ้านมีครอบครัว คนที่เป็นผู้หญิงที่จะมา support ตรงนี้ต้องเข้าใจ ว่าเวลาอาจต้องถูกแบ่งไปให้กับส่วนรวม เขาจะต้องถูกจับจ้อง หรือถูกติดตาม

ตอนนี้ผมจริงจังกับงานตรงนี้ คนที่จะมาเป็นคู่ชีวิตผมต้องเข้าใจ ว่าผมทุ่มเทกับตรงนี้ ขณะเดียวกันเป็นหน้าที่ผมที่ต้องไม่ละทิ้งหลังบ้านเหมือนกัน

 

 

 

 

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน