นางงามก้นเน่า น้ำเพชร เปิดประสบการณ์ศัลยกรรมบั้นท้าย ติดเชื้อแสนสาหัส

นางงามก้นเน่า แม้ น้ำเพชร ฏีญาภาร์ กฤษณสุวรรณ ไปไกลได้แค่เข้ารอบ 20 ในเวทีมิสเอิร์ธ 2019 (Miss Earth 2019) แต่เธอก็ทำให้ทุกคนประจักษ์ว่า เธอทุ่มเทลงทุนลงแรง หาสปอนเซอร์เอง ทำทุกอย่างเอง ไม่มีพี่เลี้ยงผู้ดูแลใดๆ ทั้งสิ้น ตลอดเวลาเก็บตัว เธอไลฟ์สด แต่งหน้าทำผม พูดคุยกับเพื่อนนางงาม แก้ปัญหาเฉพาะหน้าเอง ราวกับดูรายการเรียลลิตี้ คนจำนวนมากที่เคยยี้เธอ เปลี่ยนใจกลับมาชื่นชมนางงามนักสู้คนนี้

ก่อนบินไปชิงมง น้ำเพชรก็ทุ่มทุนสร้างบั้นท้ายให้สะบึ้ม แต่ดั๊นติดเชื้อจนเป็นข่าวใหญ่โต

เมื่อต้นเดือนมิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา เธอพาตัวเองบินไปอัพก้นถึงเกาหลี ใช้เวลาพักฟื้น 2 สัปดาห์ในดินแดนโสม แต่ทันทีที่แลนดิ้งผืนแผ่นดินไทย แผลผ่าตัดที่ง่ามก้นกลับบวมแดงและมีหนองไหลออกมา น้ำเพชรปวดตูดหนักมาก ต้องรีบรักษารับยาฆ่าเชื้อด่วน เท่านั้นไม่พอ ต้องบินกลับไปแผ่นดินกิมจิเย็บแผลใหม่อีก

นอกจากต้องเสียเวลาดูแลรักษาทวารหลัง อดทำงาน ไม่มีรายได้เข้าหลายเดือนแล้ว ยังต้องเสียเงินโดยใช่เหตุ ลำพังค่าศัลยกรรมเหยียบครึ่งล้าน กลายเป็นว่าต้องจ่ายเพิ่มเป็นค่ารักษาค่าเครื่องบินอีกร่วมครึ่งล้าน ราคาที่ต้องจ่ายสำหรับตูดพลาสติกเฉียดล้านบาท ที่สำคัญ เสี่ยงชีวิตสุดๆ เพราะตอนแรกโรงพยาบาลไม่ยอมรับรักษา เธอได้รับบทเรียนอะไรบ้างจากความประมาทครั้งนี้ ชมคลิปน้ำเพชรเปิดใจจุกๆ พร้อมความรู้ทางการเพทย์จากหมอที่ทำการรักษาเยียวยาเธอทันเวลาด้วย


สรุปเหตุการณ์ศัลยกรรมก้น รักษาอาการติดเชื้อของน้ำเพชร

  1. เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ที่ผ่านมา หลังจากรู้ตัวว่าจะเป็นตัวแทนประเทศไทยไปประกวดมิสเอิร์ธ 2019 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ในเดือนตาลาคม 2562 จึงตัดสินใจบินไปเกาหลีเพื่ออัพบั้นท้ายในเดือนมิถุนายน 2562

“ผู้หญิงเอเชียมีปัญหาเรื่องของสะโพก สะโพกจะไม่ผายเท่าละติน ด้วยกรรมพันธุ์ด้วย ทีนี้ด้วยความที่ว่าเราอยากเป็นคนที่โดดเด่น เวลาที่เรามองผู้หญิงสวยๆ หุ่นสวยๆ ดูสะโอดสะองตลอดเวลา เรารู้สึกมันน่ามองใช่มั้ย หนูก็เลยตัดสินใจว่าเอาวะ เราอยากมีก้น (ปล่อยเสียงพี่ได้นะคะ) เพื่อไปประกวด

  1. ตลอดเวลา 2 สัปดาห์พักฟื้นหลังผ่าตัด เธอพยายามเคร่งครัดดูแลตัวเองและก้นตามแพทย์แนะนำ เช่น นอนคว่ำ และยืนเป็นหลัก ไม่นั่งและเดินมากๆ เด็ดขาด เพราะทำให้เกิดการกดทับ และแผลฉีก ตามลำดับ ทว่าในช่วงวันสุดท้ายก่อนบินกลับไทย เธอยอมรับว่าเธอชะล่าใจ ไปเดินเล่นช้อปปิ้งและต่อด้วยผับ

“ศัลยกรรมทุกครั้งประสบความสำเร็จตลอด ทุบหน้า 2-3 วัน หนูยังไปเต้นโอปป้ากังนัมสไตล์ที่กลางกังนัมได้เลย หนูคือ สุดมาก”

“ด้วยความที่เราเป็นคนรักสนุก ช่วงนั้นก็คือเพื่อนไปหาที่เกาหลีเยอะมาก ไม่ได้แฮงค์เอ้าท์กับเพื่อสักวันเลย ดื่มก็ไม่ได้ ก็เลยไปเลยค่ะ ไปเที่ยวกับเพื่อน ไม่อยากจะสารภาพเลย ผับเลยจ้า”

  1. หลังจากกลับไทย พอถึงบ้านอาบน้ำเปลี่ยนชุดนอนเอามือไปลูบแผลพบหนองไหล ส่องกระจกเห็นแผลบวมแดง น้ำเพชรตกใจมาก รีบโทรหาหมอกุ๊กไก่ แพทย์ที่ดูแลผิวพรรณความงามให้เธอเป็นประจำ (พญ.ณัฐชญา ไมตรีเวช ผู้บริหาร ณัฐชญาคลินิก) ซึ่งหมอกุ๊กไก่แนะนำให้เธอไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดด่วน

ตอนแรกโรงพยาบาลไม่รับรักษา แต่หมอกุ๊กไก่ช่วยประสาน จนทางโรงพยาบาลรับรักษา โดยให้มาเจาะเส้นเลือดรับยาฆ่าเชื้อทุกวัน โดยมีพยาบาลคอยทำความสะอาดแผลให้ด้วย

ผ่านไปหลายวัน น้ำเพชรยังรู้สึกปวดหน่วงๆ แผลไม่แห้งสักที จึงปรึกษากับทางณัฐชญาคลินิก หมอบอส (นพ.ทรงพจน์ ชัยมณี ศัลยแพทย์ตกแต่งประจำณัฐชญาคลินิก)

หมอบอสจึงเปิดแผลพบว่ายังมีน้ำเหลืองคั่งค้างอยู่มาก และทำการระบายน้ำเหลืองน้ำหนองออก ขณะที่หมอกุ๊กไก่ก็ให้น้ำเพชรมานอนในเครื่องออกซิเจนความดันสูง เพื่อให้เส้นเลือดฟู สามารถรับยาฆ่าเชื้อได้ดีขึ้น ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้นด้วย

  1. ครั้นแผลแห้งเชื้อโรคตายหมดแล้ว น้ำเพชรบินไปเกาหลีอีกครั้งเพื่อทำการเย็บแผลใหม่

“ต้องซื้อเครื่องชั้นธุรกิจที่เป็นตั๋วนอนค่ะ นอนไปเลย… … ต้องเสียแพงขึ้นอีก… แต่ว่าค่าเครื่องบินมันน้อยนิดเมื่อเทียบกับค่ารักษาและค่ายาที่จ่ายไป ไปหาหมอครั้งหนึ่งหมื่นกว่าบาท ค่ารักษาเกือบ 4-5 แสนค่ะ… ค่ารักษาจุกกว่าครึ่งล้าน ค่าทำก็ครึ่งหนึ่งค่ะ 480,000 ก็เป็นล้าน ใช่ค่ะ ซึ่งเงินหนึ่งล้นบาท กว่าจะหามาได้ยากมาเลยนะคะ แต่พอสุดท้ายแล้ว เสียไปกับเรื่องที่ไม่ควรจะเสีย เพราะตัวเราเองล้วนๆ เลยค่ะ” เสียงเธอเริ่มสั่น

“หนูอยู่กับแม่สองคน เลวร้ายที่สุดเรื่องของค่าใช้จ่าย เพราะว่าแม่เราไม่ได้ทำงานแล้ว ที่บ้านจะอยู่ยังไง รับงานไม่ได้ ใช้เงินเก็บไปเยอะมาก บอกแล้วว่าทุ่มทั้งชีวิต”

  1. เธอสรุปบทเรียนให้ตัวเอง เพื่อเป็นอุทาหรณ์แก่ทุกคนว่า

“อย่าประมาทกับอะไรก็ตามที่เรากำลังเผชิญอยู่ในชีวิต อย่าชะล่าใจในการที่แบบว่า คือ อย่าคิอว่าตัวเองแน่ ตัวเองเก่ง ตัวเองไม่เป็นไร สุดท้ายแล้ว เราอาจประมาทไป จนทำให้เกิดแก่ชีวิตเรา… …”

“และสุดท้าย การดูแลตัวเองสำคัญมากๆ หลังผ่าตัดต้องเคร่งครัดจริงๆ ไม่ใช่สักแต่คิดว่าฉันหายเร็ว ฉันไม่เป็นไร แต่สุดท้ายแล้ว ก็อย่างที่เพชรบอก มันอาจนำพาความฉิบหายมาสู้คุณก็ได้”

หมอเตือน

“ปัญหาของน้องน้ำเพชรที่เค้ารู้สึกว่าปวดหน่วงๆ ที่ก้นตลอด ไม่หาย เพราะว่ามีน้ำเหลืองคั่งอยู่ และก็ตอนที่เค้าไปทำแผลที่อื่น เค้าก็ไม่ได้รับการระบายตรงนี้ ตอนทำ อาจทำแค่ด้านนอกอย่างเดียว ตรงก้นแผลมีน้ำเหลืองคั่งอยู่ ไม่ได้รับการระบาย ก็เลยทำให้รู้สึกว่าปวดหน่วงๆ ไม่หาย”

ประเด็นที่เราต้องดูคือว่าต้องทำแผลให้ดี เนื่องจากการเสริมก้นหรือสะโพก คุณหมอต้องเซาะโพรงเข้าไป เวลาแผลแยกปุ๊บ ก็จะมีโพรงอยู่ข้างใน ตรงที่โพรงอยู่ข้างใน มันก็จะมีน้ำเหลืองหรือเลือดไปคั่งได้ เวลาทำแผล เราก็ต้องระบายตัวน้ำเหลืองหรือเลือดที่คั่งออกมาให้หมด ไม่งั้นพวกนี้จะเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคขึ้นมาได้

“ถ้าหาหมอไม่ทัน คือ หนึ่งอาจจะลามไปถึงตัวซิลิโคน เป็นหนอง เป็นอะไรขึ้นมา ซิลิโคนติดเชื้ออักเสบ เราก็ต้องนำซิลิโคนออก ก็คือ ถอดพักไปเลย และให้ยาฆ่าเชื้อ อาจพัก 6 เดือน ปีนึง เพื่อให้มั่นใจว่าโพรงที่เราใส่ซิลิโคน มันปราศจากเชื้อแล้ว แล้วค่อยกลับมาเสริมอีกรอบ หรือถ้ามีการติดเชื้อแรงๆ เชื้อโรคมันสามารถเข้าไปในกระแสเลือดได้ เวลาเชื้อเข้ากระแสเลือด ก็มีการติดเชื้อในกระแสเลือด คนไข้จะมาด้วยว่าซึมลง มีไข้ พวกนี้ต้องรีบให้ยาฆ่าเชื้อ ร่วมกกับการถอดซิลิโคนออกมา แล้วก้ถ้ามีหนอง ต้องระบายออกให้หมด”

“แผลมีการติดเชื้อ ซึ่งเชื้อพวกนี้ส่วนใหญ่จะกลัวออกซิเจน เมื่อเราให้เข้าไปนอนในเครื่องที่มีออกซิเจนความดันสูง มันทำให้แผลหายเร็วขึ้น และก็การติดเชื้อ ดีไวขึ้นค่ะ”

“แนะนำว่าถ้าสะดวก จะให้เค้าเข้ามาทุกวันเลย เข้ามานอนในนี้ทุกวัน เรียกว่า ลักษณะวิธีการรักษา เข้าติดกันทุกวันๆ ละไม่เกิน 2 ชั่วโมง โดยทั่วไปประมาณ 7-10 ครั้ง แผลก็จะค่อนข้างดีมากแล้วค่ะ”

“การใส่ซิลิโคนที่สะโพกที่บอกว่ามันเสี่ยงกว่าจุดอื่นๆ เพราะว่าตรงบริเวณสะโพกเป็นจุดที่เราต้องนั่ง นอนทับ การนั่งทับนอนทับมันทำให้เลือดไปเลี้ยงน้อยลง พอเมื่อไรก็ตามที่เลือดไปเลี้ยงน้อยลง โอกาสติดเชื้อจะเยอะขึ้น โอกาสเน่าโอกาสต่างๆ จะเยอะขึ้น เรียกว่าการเสริมสะโพกเป็นการผ่าตัดที่ดูแลรักษายากค่ะ”

 

 

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน