ไบโอเมทริกซ์ในไทย มั่นใจได้หรือไม่
คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
โดย…วงค์ ตาวัน
ไบโอเมทริกซ์ในไทย – สงครามระหว่างสหรัฐกับอิหร่านยังคงคุกรุ่น ขณะที่ไทยเราต้องเตรียมรับมือ เพราะการก่อการร้ายเพื่อตอบโต้มหาอำนาจนั้น อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ใดก็ได้ ระหว่างนี้ดันเกิดเรื่องโต้เถียงกันถึงระบบไบโอเมทริกซ์ ที่สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองของไทยเพิ่งนำมาใช้
ทั้งที่เป็นระบบทันสมัยที่สุดในโลกยุคปัจจุบัน ประเทศยักษ์ใหญ่ทั้งสหรัฐและในยุโรปก็ใช้ระบบนี้
ส่วนของไทยเรามีปัญหาจริงหรือไม่ แน่นอนว่าก็ต้องรอฟังผลการตรวจสอบสอบสวนกันต่อไป
แต่ในชั้นนี้ฟังจาก พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. ก็ได้รับคำยืนยันว่า หลังจากเริ่มใช้ไบโอเมทริกซ์ มีผลการปฏิบัติที่น่าสนใจ
โดย 6 เดือนที่ผ่านมา ตรวจสอบคนมาแล้ว 48 ล้านคน จับกุมตามแบล็กลิสต์ได้ 4,353 คน ตรวจสอบบุคคลที่อยู่ในราชอาณาจักรเกินเวลาที่กำหนดหรือ โอเวอร์สเตย์ 126,989 คน จับกุมได้ 3,166 คน
ได้เงินค่าปรับไปแล้วกว่า 240 ล้านบาท อีกไม่นานก็จะคุ้มทุนที่ใช้จัดซื้อได้!
ผบช.สตม.ยืนยันว่า ผลการปฏิบัติจากระบบไบโอเมทริกซ์ ทำให้มั่นใจได้ว่า ทันสมัยและเชื่อมั่นได้จริง
ในภาวะร้อนระอุขณะนี้ ขอให้เชื่อมั่นว่า ระบบล่าสุดที่สตม.นำมาใช้ จะช่วยสกัดกั้นผู้ก่อการร้ายข้ามชาติที่จะเข้ามาก่อเหตุในบ้านเราได้
ฟังจากข้อมูลที่ พล.ต.ท.สมพงษ์ ยืนยัน แล้วถ้าศึกษาถึงที่มาที่ไปของระบบนี้ จะช่วยให้เข้าใจได้มากขึ้นว่า ทำไมทั้งโลกต้องหันมาใช้
ไบโอเมทริกซ์ เป็นระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล เช่น ใบหน้า ลายพิมพ์นิ้วมือ ฝ่ามือ โครงหน้า ดวงตา การเต้นของหัวใจ
เป็นการนำอัตลักษณ์ทางชีวภาพบุคคลมาใช้ในการยืนยันตัวตน
ก่อนหน้านี้ระบบเดิม ใช้เทคโนโลยีแบบเก่า ที่ไม่มีการใช้อัตลักษณ์มาพิสูจน์!?
ปัญหาที่เกิดคือ การปลอมแปลงหนังสือเดินทางของผู้ก่อการร้ายข้ามชาติ ผู้ต้องหาหลบหนี ตรวจสอบได้ไม่ดีพอ
ยิ่งพวกอาชญากรโลก มือวินาศกรรม นักค้ายา หันไปทำศัลยกรรม
แค่นี้การตรวจพิสูจน์ด้วยรูปถ่ายก็ล้มเหลวแล้ว
หลังจากสงครามกวาดล้างนครรัฐอิสลาม ที่กลุ่มไอเอสสถาปนาในพื้นที่อิรักและซีเรีย จนไอเอสเริ่มแตกกระจาย
สหรัฐได้ส่งสัญญาณเตือนถึงหลายชาติ ว่าต้องยกเครื่องระบบตรวจคนเข้าเมือง ก่อนจะกลายเป็นบ้านใหม่ของไอเอส!
โดยระบุให้ใช้ระบบไบโอเมทริกซ์นี่แหละ
ของไทยจึงต้องพัฒนาไปสู่ไบโอเมทริกซ์ โดยเลือกใช้เมดอินเยอรมัน
และเป็นบริษัทที่รัฐบาลเยอรมันถือหุ้นเอง
ดูแง่นี้ก็พอจะอุ่นใจขึ้น!