ชีวิตในวิกฤตฝุ่น
จะอยู่กันอย่างนี้หรือ
คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
โดย…วงค์ ตาวัน
ชีวิตในวิกฤตฝุ่น – หลังปีใหม่เป็นต้นมา ภาพที่ประจักษ์แก่สายตาของคนกทม.และจังหวัดใกล้เคียงในทุกๆ วันก็คือ ท้องฟ้าขาวโพลน ปกคลุมด้วยฝุ่นละออง
เราแทบไม่ได้เห็นท้องฟ้าอันสดใสมาหลายสัปดาห์แล้ว
ขมุกขมัว เต็มไปด้วยพิษภัยต่อสุขภาพของทุกชีวิต
ตัวเลขของสถานีตรวจวัดอากาศ รายงานของกรมควบคุมมลพิษ ฟ้องชัด
วิกฤตฝุ่นพีเอ็ม 2.5 เกินมาตรฐาน กำลังคุกคามคนไทยอย่างหนักหนาสาหัส!!
เป็นเช่นนี้เป็นช่วงๆ เป็นมา 2-3 ปีแล้ว แต่ไม่เคยมีการแก้ปัญหาอย่างเป็นเรื่องเป็นราวจากรัฐบาล
จนอดเป็นห่วงไม่ได้กับคนที่ออกมา “เดินเชียร์ลุง” ไม่รู้ว่าวันนั้นรับฝุ่นมรณะกันเข้าไปขนาดไหน!?
วันนี้ใครเจ็บป่วย เป็นไข้หวัด คัดจมูก ไอ ตาแดง คัน จาม หอบหืด หลอดลมอักเสบ ลมพิษ ผื่นนูนแดง ปากบวม
เป็นที่รู้กันว่า มาจากปัญหาฝุ่นจิ๋วที่เกินมาตรฐานนี่แหละ
มีคนจำนวนหนึ่งพึงพอใจในรัฐบาลนี้มาก ว่าทำให้สถานการณ์สงบ กดหัวนักการเมืองเลวๆ อยู่หมัด
ไม่ต้องสนใจว่าประเทศไม่เจริญ ไม่พัฒนา ไม่มีวิสัยทัศน์ในการบริหารการแก้ปัญหา
แค่เรื่องพีเอ็ม 2.5 ที่ทำร้ายประชาชน ก็ไม่เคยเห็นไอเดียการแก้ไขอย่างเป็นระบบและมองไกลไปในช่วงต่อๆ ไป ปีต่อๆ ไป!
ถ้าเราได้รัฐบาลที่คิดใหม่ทันสมัย ก้าวฉับไวไปกับโลกที่หมุนไปข้างหน้า
เราคงได้เห็นแนวทางขจัดปัญหาฝุ่นมหาภัย ทั้งในระยะสั้นและอย่างเป็นระบบในระยะยาว
อย่างการสั่งให้ตำรวจจราจรสกัดกั้นรถปล่อยควันดำ ก็เป็นส่วนหนึ่งในการแก้เฉพาะหน้า
แต่ที่รัฐบาลหลายประเทศทั่วโลกทำกันนานแล้ว นั่นคือส่งเสริมให้บริษัทรถยนต์ผลิตรถไฟฟ้าออกมาขาย
ทำให้ชาวบ้านเลิกขับรถใช้น้ำมันโดยเร็วที่สุด
รัฐบาลหลายประเทศให้การอุดหนุนส่งเสริมโรงผลิตและประกอบรถยนต์ ให้ผลิตรถพลังไฟฟ้า
ระดมสร้างปั๊มชาร์จไฟรถยนต์ทั่วเมือง
แต่ไทยเราเฉยๆ มาตลอด ผู้ผลิตรถจำหน่ายในบ้านเรา ก็ต้องขายรถใช้พลังงานน้ำมันต่อไป
คนไทยก็ต้องรับกรรมวิกฤตฝุ่นกันต่อไปไม่สิ้นสุด!