ทั้งศึกนอก-ศึกใน ระส่ำไปทั้งรัฐบาล
คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
โดย…วงค์ ตาวัน
ทั้งศึกนอก-ศึกใน ระส่ำไปทั้งรัฐบาล – ตามบทสรุปของดร.วีรพงษ์ รามางกูร บอกเอาไว้ว่า ประเทศไทยเรากำลังอยู่ในช่วงมหาวิกฤตการณ์ โดยประกอบจากวิกฤต 3 อย่าง วิกฤตการณ์ทางการเมือง วิกฤตทางกฎหมาย ทางระบบยุติธรรม และวิกฤตเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเศรษฐกิจนั้น หวังพึ่งพาการ ท่องเที่ยว เมื่อมาเจอวิกฤตไวรัสโควิด ก็เลยไปไม่รอด
ปีกลายเผาหลอก ต้นปีนี้เผาจริง และปลายปีเก็บกระดูกไปลอยอังคาร
ดร.โกร่ง อภิปรายเรื่องนี้ไปเมื่อสัปดาห์ก่อน ฟังแล้วก็เห็นภาพ และมองเห็นแนวโน้มว่าจะเป็นไปตามนั้น
แต่มาสัปดาห์นี้ เราจะพบว่าเฉพาะในวิกฤตโควิด เกิดปัญหาความยุ่งเหยิงอลหม่านภายในรัฐบาลและภายในหน่วยราชการเองอย่างร้ายแรง
ลุกขึ้นมาทะเลาะกันนัวเนียไปหมด!!
ที่น่าคิดก็คือ มีข้อสังเกตเรื่องภาวะผู้นำในสถานการณ์วิกฤต สำหรับผู้นำรัฐบาลนี้กันมากมายก่อนหน้านี้
มีภาพของอดีตนายกฯในวิกฤตไวรัสอื่นๆ ในวิกฤตคลื่นยักษ์สึนามิ ในวิกฤตจลาจลในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งได้เห็นภาวะผู้นำของอดีตนายกฯนั้นชัดเจน
แล้วมองไม่เห็นภาวะผู้นำในวิกฤตโควิดหนนี้
พอมาเกิดเรื่องภายในรัฐบาลกันเอง ในหน่วยราชการกันเอง
ภาวะผู้นำในการควบคุมองค์กรกระบวนการทำงานของตัวเอง จึงเป็นคำถามใหม่!
พรรคประชาธิปัตย์ออกมาเรียกร้องให้ถอนตัว
ให้เลิกพายเรือได้แล้ว!!
พรรครัฐบาลกันเองก็ออกมาตอบโต้กันเดือดพล่าน ซ้ำด้วยคนในรัฐบาลกันเองก็เรียกร้องให้รัฐมนตรีที่ถูกครหาลาออก เลยถูกลูกน้องรัฐมนตรีออกมาตอกกลับ
วันดีคืนดีระดับอธิบดีก็ไปยื่นฟ้องโฆษกของอีกหน่วยราชการ บอกว่าเป็นศักดิ์ศรียอมไม่ได้ แล้วรัฐมนตรีก็บอกว่าไม่มีอำนาจสั่งอธิบดี
ไปๆ มาๆ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่การบินไทย สายการบินแห่งชาติ ก็ประกาศลาออก
เป็นที่รู้กันว่าไปไม่ไหวกับวิกฤตที่จะทำให้ เจ๊งหนักและแผนแก้ปัญหาช่วงโควิดไม่ผ่านการอนุมัติ!?!
ผู้อำนวยการสนามบินสุวรรณภูมิก็ลาออกอีก แบกปัญหาไม่ไหว เจ้าหน้าที่ไม่ได้รับหน้ากากอนามัยป้องกันตัวเอง ทำให้ขวัญกำลังใจตกต่ำ
ก่อนหน้านี้ก็มีเสียงร้องจากหมอ พยาบาล ที่ต้องใช้หน้ากากอนามัยซ้ำๆ ทั้งที่ต้องเผชิญกับไวรัสโดยตรง
หน่วยงานด่านหน้าประเทศ หน่วยงานที่ต้องหยุดยั้งโรคภัย ระส่ำไปหมด!!
ภาวะผู้นำในภาวะวิกฤตไวรัสที่ระบาดทั่วโลก และภาวะผู้นำในวิกฤตภายในรัฐบาลและในหน่วยงานราชการ
กำลังถูกประชาชนจับตาและตัดสิน!