เรียนรู้จากวิกฤต เลิกรวมศูนย์ในกทม.
คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
โดย…วงค์ ตาวัน
เรียนรู้จากวิกฤต เลิกรวมศูนย์ในกทม. : คอลัมน์ ชกไม่มีมุม – แม้ยังคาดเดาไม่ได้ว่า สถานการณ์โควิดที่แพร่ระบาดอย่างน่ากลัวในขณะนี้ จะคลี่คลายลงไปเมื่อไร สงสัยกันด้วยซ้ำว่าจะยาวไปตลอดทั้งปีนี้เลยก็เป็นได้
แต่เชื่อว่าหลังผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปแล้ว ทั่วทั้งโลก รวมทั้งในบ้านเราเอง
จะต้องมาทบทวน และจัดระบบระเบียบสังคมกันใหม่หมด!
เพราะในท่ามกลางความอลหม่านในวันนี้ เราสามารถมองเห็นจุดอ่อนของสังคมไทยเราได้ชัดเจน
เกิดวิกฤตใหญ่ขึ้นมาอีกในภายภาคหน้า ควรแก้ไขปัญหากันได้ง่ายดายกว่านี้
ที่แน่ๆ โลกเราหนีไม่พ้นโรคภัยไข้ระบาดใหม่ๆ ไปได้ ในอนาคตไวรัสก็พัฒนาตัวเอง เกิดสายพันธุ์ใหม่ขึ้นมาอาละวาดใหม่อีก
มนุษย์ควรจะเรียนรู้จากสถานการณ์โควิด เพื่อตั้งรับกับวิกฤตหนหน้าได้ฉับไวเป็นระบบ กว่านี้
สิ่งที่เรียนรู้จากความบกพร่องในวันนี้เรื่องหนึ่งก็คือ การเดินทางเคลื่อนย้ายของประชาชน
โดยเฉพาะกลุ่มคนที่เข้ามาทำงานในกทม. หลั่งไหลมาจากทั่วทุกภาค
พอต้องหยุดธุรกิจกิจการห้างร้านอย่างฉับพลัน คนทำงานที่ส่วนใหญ่มาจากต่างจังหวัด ก็ต้องแห่กลับบ้าน
เพราะไม่รู้จะต้องอยู่หอพักห้องเช่าโดยไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ไปอีกนานแค่ไหน กลับไปบ้านเกิดเมืองนอนปลอดภัยที่สุด
ภาพคนชนบทแห่ไปแห่กลับกทม. ในช่วงปีใหม่ ช่วงสงกรานต์ กับช่วงหนีภัยโควิด คือภาพเดียวกัน!!
ปีนี้อุตส่าห์งดวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ เพื่อไม่ให้เกิดการเดินทางจนควบคุมการระบาดได้ยาก
แต่พอปิดห้าง ปิดสถานบริการ สถานบันเทิงทั้งหมดทั้งกรุง
คนก็แห่กลับบ้านเหมือนสงกรานต์นั่นแหละ
แต่หนักกว่านั้นคือ การแพร่กระจายของเชื้อที่ควบคุมไม่ได้!!
ทั้งหลายทั้งปวงนี้ ต้องแก้ที่การกระจายความเจริญของเศรษฐกิจ ไม่ใช่กระจุกตัวแค่ในกทม.เหมือนปัจจุบัน
เสียดายคือโครงการรถไฟความเร็วสูงในยุครัฐบาลเพื่อไทย นั่นแหละการกระจายความเจริญสู่หัวเมืองต่างๆ อันเป็นที่ตั้งของสถานีรถไฟของแต่ละเส้นทางที่ดีที่สุด
แต่เอาเกมการเมือง เกมชิงอำนาจ เกมล้มประชาธิปไตยมาเล่นกัน จนโครงการไปไม่ได้
วันนี้ ในสถานการณ์โควิด เห็นได้ชัดว่า การกระจายความเจริญไปตามหัวเมืองทั่วประเทศสำคัญสุด
หยุดรวมศูนย์อำนาจ เลิกรวมศูนย์เศรษฐกิจได้เมื่อไหร่ การแก้ไขวิกฤตหนต่อไปจะง่ายขึ้น!