ต้องแก้ทั้งโควิด ทั้งความอดอยาก

คอลัมน์ ชกไม่มีมุม

โดย…วงค์ ตาวัน

ต้องแก้ทั้งโควิด ทั้งความอดอยาก สงกรานต์ผ่านพ้นไปแล้วด้วยความสงบเรียบร้อยและเงียบเหงา ด้านหนึ่งก็เป็นเรื่องดี เมื่อไม่มีวันหยุด ไม่มีการเฉลิมฉลอง ไม่มีการจำหน่ายจ่ายแจกเหล้าเบียร์ ไม่มีการดื่มไม่มีการมึนเมา ลงเอยก็ไม่มีอุบัติเหตุเมาแล้วขับจนตายกันมากมาย ไม่กลายเป็น 7 วันอันตรายดังเช่นทุกๆ ปี

มองแง่นี้เป็นเรื่องดี ที่มีมาตรการโควิดเข้ามาควบคุม

แต่ทุกอย่างย่อมมี 2 ด้าน!!

แน่นอนว่า สถานการณ์โรคระบาดรุนแรง ทำให้ทุกคนจำเป็นต้องเก็บตัวอยู่กับบ้าน มีระยะห่างทางสังคม ไม่ควรรวมตัวกันสังสรรค์เฮฮา

แม้แต่การเล่นน้ำ สาดน้ำ ฉีดน้ำ ก็มีข้อมูลว่าอาจมีส่วนในการแพร่เชื้อโควิดได้ ตามสายน้ำที่สาดเข้าหากัน พ่นเข้าใส่กัน

เหตุผลเหล่านี้ควรต้องยอมรับ เพื่อหยุดกิจกรรมรื่นเริง

แต่อีกด้านที่ควรคิดคำนึงก็คือ ชีวิตผู้คนจะเต็มไปด้วยความเก็บกดอึดอัด จนอาจจะเกิดอาการด้านอื่นตามมา

ยิ่งกว่านั้น ระหว่างเก็บตัวอยู่กับบ้าน แล้วธุรกิจการค้าต้องหยุดไปด้วย เป็นการเก็บตัวที่เต็มไปด้วยความทุกข์และความกังวลต่ออนาคตในอีกเดือนสองเดือนข้างหน้า

ถ้าทุกอย่างยังเป็นเช่นนี้อยู่ จำนวนคนตกงานก็จะเพิ่ม มากขึ้น เพราะหลายกิจการในวันนี้ต้องปิดตัว โดยยังโอบอุ้ม คนงานเอาไว้ แต่ถ้ายืดเยื้อกว่านี้ก็คงถึงจุดที่ต้องเลิกอุ้ม

คนตกงานจะเพิ่ม คนอดอยากจะมากขึ้น!!

จนเริ่มห่วงกันว่า ถ้ารัฐบาลบริหารไม่ดี ไม่มีประสิทธิภาพ มองไม่กว้างไกล จะมีปัญหาใหญ่ตามมา

เปรียบกันว่า ต่อไปคนอดตาย หรือฆ่าตัวตายเพราะไม่มีกิน อาจจะพุ่งสูงสู้กับตัวเลขคนตายโควิดก็เป็นได้!?!

เงินเยียวยาที่รัฐบาลทำอยู่ทุกวันนี้ถือว่าดี ก็ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย

แต่ต้องขยายวงให้กว้างมากขึ้น ดูแลประชาชนให้ ทั่วถึงขึ้น ที่แจกจ่ายทุกวันนี้ ไม่เพียงพออย่างแน่นอน

อีกทั้งวันนี้ อย่าไปเผลอมองว่า ที่รัฐบาลจัดสรรเงินมาเยียวยานั้น เป็นบุญคุณที่ประชาชนต้องซาบซึ้ง

เพราะนั่นคือเงินภาษีที่ประชาชนเป็นผู้จ่าย!

วันนี้ประชาชนเขาเริ่มทวงว่า เงินภาษีที่เขาจ่ายกันไป ผู้ที่เข้ามาเป็นรัฐบาลได้บริหารเงินงบประมาณ ตอบสนองประชาชนเจ้าของเงินได้ดีพอหรือไม่

เมื่อสถานการณ์ความจำเป็นเปลี่ยนไป โควิดทำให้คนป่วยมากมาย ทำให้ตกงานมากมาย เจ้าของกิจการขาด รายได้

รัฐบาลจะบริหารงบประมาณใหม่ให้ตรงกับสถานการณ์วันนี้ได้อย่างไร งบประมาณด้านความมั่นคงยังสำคัญกว่าสาธารณสุขและปากท้องประชาชนหรือไม่!?

แล้วควรต้องตระหนักว่า นี่เป็นคำถามจากประชาชนเจ้าของเงินภาษี

อย่าตีความว่า นี่เป็นการวิงวอนร้องขอ!

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน