สู่ยุคบิ๊กป้อมคุมพรรค สู่การปรับครม.ใหม่ : คอลัมน์ ชกไม่มีมุม โดย…วงค์ ตาวัน
ไม่ผิดไปจากที่คาดเอาไว้ล่วงหน้าว่า หลังจาก 3 พ.ร.ก.กู้เงินแก้โควิด 1.9 ล้านล้าน ผ่านสภาเรียบร้อยแล้ว ผสมผสานเข้ากับกระแสโรคระบาดไวรัสที่เริ่มซาลงไปแล้ว การเมืองจะเริ่มกลับมาร้อนแรง โดยจุดหนึ่งคือการเปลี่ยนแปลงในพรรคพลังประชารัฐ
หลังสภาโหวตผ่าน 3 พ.ร.ก.ดังกล่าวในวันอาทิตย์ พอวันรุ่งขึ้นบรรดากรรมการบริหารพรรคใหญ่ของรัฐบาล ก็แห่กันยื่นใบลาออกทันที
เพื่อจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง กรรมการบริหารพรรคใหม่
สำคัญสุดคือ การเลือกหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคคนใหม่
แน่นอนว่า ทำกันขนาดนี้ก็เพื่อเป้าหมายจะเปลี่ยนแปลงตัวบุคคลใน 2 เก้าอี้นั่นเอง
ทั้งหมดทั้งมวล หัวหน้าพรรคคนใหม่คงไม่พ้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ผู้มีบารมีตัวจริงของพรรคนี้!
อาจจะกล่าวได้ว่าสถานการณ์โควิด มีส่วนสำคัญไม่น้อย ที่เป็นชนวนการเปลี่ยนแปลงในพรรคนี้
เพราะการทำงานของรัฐบาลไม่ราบรื่น
การเยียวยาประชาชนตกหล่นมากมาย
ไม่ได้คะแนนเสียง!
อีกส่วนหนึ่งคือ บรรดาส.ส.ไม่สามารถเข้ามามีส่วนร่วมใดๆ ได้ ไม่สามารถลงไปดูแลประชาชนในพื้นที่
ไม่ได้คะแนนทั้งระดับรัฐบาล และระดับส.ส.ของรัฐบาล!!
ก็เลยกลายเป็นชนวนแตกหัก บรรดาส.ส.แห่กันเข้าหาบิ๊กป้อม เรียกร้องให้เปลี่ยนแปลง และให้เข้ามาเป็นหัวหน้าเต็มตัว เพื่อขับเคลื่อนพรรคในแนวใหม่
อธิบายง่ายๆ ว่า ในสถานการณ์โควิดที่เป็นวิกฤตร้ายแรง ประชาชนเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า
การทำงานของรัฐบาล ภายใต้พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน ทำให้เป็นรัฐราชการจากนายกฯสั่งตรงถึงข้าราชการประจำ ขณะที่นักการเมืองและส.ส.กลายเป็นตัวประกอบ
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ คงต้องจับตากันต่อไปว่า จะนำไปสู่การยกระดับส.ส.พรรคนี้ ให้มีบทบาทหน้าที่มากขึ้นได้หรือไม่
ที่สำคัญถูกครหามาตลอดว่าเป็นแค่พรรคเฉพาะกิจ คงเป็นอีกจุดที่กดดันอยู่มากไม่น้อย
ขณะเดียวกัน จังหวะก้าวต่อไปก็คือ การปรับเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีเพื่อสร้างความคึกคัก และเพื่อลบภาพความผิดพลาดจากโควิดที่ผ่านมา
น่าจับตาว่า ด้วยบารมีของหัวหน้าคนใหม่ เมื่อปรับ ครม.แล้ว จะแฮปปี้หรือมีร้าวฉานครั้งใหม่!?
ไปจนถึงจุดอ่อนคือรัฐมนตรีกระทรวงด้านเยียวยาและดูแลเศรษฐกิจ จะได้มือดีมือฉมังเข้ามาหรือไม่ และจะต้องเป็นมือดีพิเศษจริงๆ
เนื่องจากเศรษฐกิจกำลังดิ่งลงหุบเหว และดิ่งต่อไปเรื่อยๆ ต้องหยุดยั้งหรือฉุดขึ้นมาให้ได้
จุดเด่นของบิ๊กป้อมนั้นคือมากน้ำใจ ประสานได้สิบทิศ จะงัดออกมาใช้ประโยชน์ได้แค่ไหน
มหาวิกฤตขนาดนี้ รัฐบาลและพรรครัฐบาล จะเอาตัวรอดได้หรือไม่!?
