เมื่อเวลา 14.20 น.วันที่ 25 พ.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(บช.ก.) พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหาร พิทักษ์ ผบช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีเงินทอนวัด ว่า หลังจากมีการดำเนินการ ไปแล้วเมื่อวานนี้ (24พ.ค.) ยังมีภารกิจบางส่วนที่ยังไม่เรียบร้อย อาทิ การติดตามเป้าหมายที่ยังไม่ได้ตัวอีก 2 รายคือ พระพรหมสิทธิ เจ้าอาวาสวัดสระเกศ และพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดสัมพันธวงฯ อยากให้ทั้ง 2 รูปมามอบตัว ดีกว่า เพราะเคยมีคุณงามความดี

เจ้าหน้าที่ทำมีเพียงเรื่องเดียวคือต้องบังคับใช้กฎหมาย เพราะมีความไม่งดงามในสมณเพศ ทำให้พระพุทธศาสนาเสียหาย คนทำงานก็ตระหนักว่าขณะนี้กำลังดำเนินคดีกับพระ อะไรที่ไม่ถูกต้องไม่มีพยาน หลักฐานชัดเจนเจ้าหน้าที่ก็ไม่ทำ แค่คิดก็ไม่ดีแล้ว มันบาป สิ่งเหล่านี้เจ้าหน้าที่ตระหนักอยู่ ยืนยันว่าทั้งหมดเป็นการดำเนินการภายใต้ข้อมูลของตำรวจที่มี” ผบช.ก.กล่าวและว่า ยอมรับว่าในการตรวจค้นวัดทั้ง 3 แห่งเมื่อวานนี้ พบหลักฐานอื่นๆด้วย มีทั้งที่ไม่เหมาะสมกับสมณเพศ แต่ไม่ขอเปิดเผย อยู่ระหว่างพิจารณาว่าต้องนำไปสู่การแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมหรือไม่ ทั้งนี้ตำรวจทำอะไรก็ตระหนักเสมอว่ายังมีลูกศิษย์ลูกหาของพระแต่ละรูปที่ยังมีความศรัทธาอยู่

เมื่อถามว่าส่วนการติดตามจับกุมพระอีก 2 รูปที่หลบหนีนั้น พล.ต.ท.ฐิติราช กล่าวว่า ยืนยันว่าทั้ง 2 ท่านยังอยู่ในประเทศไทย ตอนนี้ก็ใช้ วิธีการเจรจาพูดคุยกับคนใกล้ชิด ซึ่งตำรวจก็ให้เกียรติท่าน ได้มีโอกาสมอบตัว เพราะน่าจะเป็นสิ่งที่งดงามมากกว่า ไม่ขอเปิดเผยว่ามีการประสานอย่างไร เอาเป็นว่ามีการเจรจาประสานระหว่างกัน แต่ยืนยันตนขอให้มามอบตัว ตอนนี้จากการพยายามหาตัวทั้ง 2 ท่าน และการเจรจาที่เกิดขึ้น มีแนวโน้มเป็นไปในทิศทางที่ดี อยากให้ท่านมาพิสูจน์ทราบตัวเอง จะได้เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม หากท่านยังหลบหนีอยู่ก็เสียความเป็นตัวท่านเอง เพราะคนหลายคนก็เคารพท่านอยู่ มาต่อสู้ความจริงไปดีกว่า

สำหรับการขยายผลนั้น พล.ต.ท.ฐิติราช กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ขอลงรายละเอียด แต่อยากให้มองว่าสิ่งที่ทำเป็นเรื่องระบบ เป็นเรื่องหลักการใหญ่ๆของประเทศ เพราะศาสนาเป็นสถาบัน เป็นเสาหนึ่ง ใน 3 เสาหลักของประเทศ คือชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ถ้ามีผู้นำความไม่งดงามมาสู่ 3 เสาหลัก ก็ไม่ดี สิ่งที่ตำรวจสอบสวนกลางกำลังทำ คือ ทำสิ่งนี้ให้มั่นคง อยากให้เป็นที่พึ่งของประชาชนจริงๆ ยอมรับ พระมีหลายรูป แบบที่ตรวจสอบพบ บางรูปก็นอกลู่นอกทาง แสวงหาผลประโยชน์ในทางมิชอบ ในกลุ่มศิษย์ยานุศิษย์ก็มีด้วย คนที่ ติดตามข่าวก็ต้องติดตามอย่างมีสติ ย้ำว่าตำรวจดำเนินการโดยเอาพยานหลักฐานเป็นตัวตั้ง ไม่ได้ทำอะไรนอกเหนือเหตุผล ไม่ได้เลือกปฏิบัติ ใครผิดก็ต้องถูกดำเนินคดี ขอให้แยกแยะ

พล.ต.ท.ฐิติราช กล่าวอีกว่า วันนี้ได้ขออนุมัติหมายค้นเพิ่มเติม อีก 2 จุด คือ ในวัดสระเกศ และวัดสัมพันธวง เพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม เมื่อวานเป็นเพียงการเริ่มต้น แค่ขั้นตอนแรก หลังจากนี้คงมีอะไรทำอีกเยอะ ใครก็ตามที่ ไม่ดี หมายรวมถึงพระด้วยก็ต้องดำเนินการ อย่างไรก็ตามตอนนี้ยังไม่ขอเปิดเผยว่ายังมีใครเข้ามาเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดอีกบ้าง ต้องขยายผล ตอนนี้เพิ่งเริ่มต้น

เมื่อถามว่านี่คือปฏิบัติการจัดระเบียบสงฆ์ หรือไม่ พล.ต.ท.ฐิติราช กล่าวว่า เป็นภารกิจของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.)และกรรมการมหาเถระสมาคม(มส.) ในส่วนของตำรวจคือการบังคับใช้กฎหมาย เป็นหน้าที่ของ ทั้ง พศ. และมส.ในการเพิ่มศรัทธา ให้กับประชาชน

สำหรับปฏิบัติการจับกุมอดีตพระพุทธอิสระ ที่ถูกวิจารณ์ว่าเจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุหรือไม่นั้น พล.ต.ท.ฐิติราช กล่าวว่า ก็ว่ากันไป แต่ตำรวจก็ให้เกียรติในฐานะที่ครองจีวร บางทีการทำงานก็ต้องระมัดระวัง เจ้าหน้าที่ต้องระวังตัวด้วย ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของทุกฝ่าย อาจมีสถานการณ์แทรกซ้อน อาจมีใครทำอะไรในสถานที่นั้นก็ได้ ไม่มีใคร อยากให้เกิดการเจ็บ การตายจากการปฏิบัติหน้าที่ หากมีกระสุนสักลูกโผล่มาก็ต้องมานั่งไล่เรียงกันอีกว่ามาจากใคร จากเจ้าหน้าที่หรือเปล่า

ที่ผ่านมาอดีตพระคนนี้ไปไหนมาไหน มีการ์ด มีคนคุ้มกันมากมาย เจ้าหน้าที่ก็ต้องระวัง ประกอบกับช่วงปฏิบัติการเป็นช่วงเช้ามืด สถานที่ก็กว้างและในทางยุทธวิธี จุดที่เข้าไปเป็นพื้นที่ที่สถาปนาโดยฝ่ายตรงข้าม เราหมายถึงเจ้าหน้าที่ไม่คุ้นชิ้น ไม่รู้ว่ามีใครอยู่ตรงไหน อย่างไร ก็ต้องยกกำลังไปเพื่อความปลอดภัย แต่สุดท้ายภารกิจก็ลุ่ล่วงไม่มีการสูญเสียใดๆ อาจไม่ถูกใจใครบางคน แต่ก็ขอให้เข้าใจเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย หากมีการเจ็บการตายเกิดขึ้น เรื่องราวก็จะไม่ง่ายอย่างนี้ ยอมรับว่าผมไม่สามารถอธิบายยุทธวิธีให้ทุกคนทราบได้ มันเป็นหลักของความปลอดภัยทั้งต่อเป้าหมายและต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เรื่องนี้ถูกยุทธวิธี แต่อาจไม่ถูกใจ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน