จากกรณีที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเยอรมัน คุมตัวอดีตพระพรหมเมธี (จำนงค์ เอี่ยมอินทรา) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ ได้ที่สนามบินนานาชาติแฟรงก์เฟิร์ต ระหว่างตรวจคนเข้าเมือง เนื่องจากเป็นบุคคลตามหมายจับที่ตำรวจไทยประสานตำรวจสากลไว้ ต่อมาพระพรหมเมธียื่นขอลี้ภัยกับเยอรมัน ทำให้ได้รับความคุ้มครองไม่ต้องถูกกักตัว จากนั้นคณะของพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ที่เดินทางไปประสานรับตัวพระพรหมเมธีกลับไทย แต่ถูกเยอรมันกันไม่ให้พบ เนื่องจากเหตุผลเพื่อคุ้มครองสิทธิและความปลอดภัยของผู้ยื่นคำขอลี้ภัย ก่อนที่พล.ต.อ.จักรทิพย์จะกลับถึงไทยเมื่อวันที่ 6 มิ.ย. เวลา 12.30 น. ที่ผ่านมา โดยไร้เงาพระพรหมเมธี ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น อ่านข่าว ‘บิ๊กแป๊ะ’ถึงไทยแล้วไร้เงา‘พระพรหมเมธี’ ลุ้นได้ลี้ภัยหรือไม่ หลังไม่ถูกเยอรมันกักตัว

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ระดมกำลังกองปราบฯ และตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่ จ.นครพนม เพื่อติดตามจับกุมตัวอดีตพระพรหมเมธี หรือ “จำนงค์ เอี่ยมอินทรา” ผู้ต้องหาความผิดเกี่ยวกับคดีเงินทอนวัดที่หลบหนีมาในพื้นที่ จ.นครพนม ตั้งแต่วันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา ก่อนหลบหนีออกไปยังสปป.ลาว ผ่านทางด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่ 3 นครพนม-คำม่วน โดยพบรถตู้ สีบรอนซ์เงิน ซึ่งพระพรหมเมธีใช้หลบหนีมาจากกทม.จอดทิ้งไว้ใกล้กุฏิพระเจ้าอาวาสวัดป่าสุคนธรักษ์ บ้านค่ายเสรี ต.นางาม อ.เรณูนคร จ.นครพนม เจ้าหน้าที่จึงยึดมาตรวจสอบ และสืบสวนหาเบาะแส อ่านข่าว บิ๊กป้อม โว คุยเยอรมันสุดราบรื่น 3 วัน ได้คำตอบ อีกฝั่งเข้าใจ พระพรหมเมธี ไม่เอี่ยวการเมือง

ส่วนการสืบสวนติดตามจับกุมตัวพระจำนงค์ในครั้งนี้ ทางตำรวจรู้ตัวสีกาคนสนิทที่ช่วยเหลือพระพรหมเมธีในการหลบหนีคือนางศศิร์อร เจียมวิจิตรกุล หรือสีกา จ. อายุ 54 ปี ตรวจสอบประวัติพบว่า เป็นคนมีฐานะร่ำรวย เป็นเจ้าของธุรกิจหลายอย่าง สามีประกอบธุรกิจทำเหมืองแร่ใน สปป.ลาว ทำให้รู้ช่องทางเลี่ยงการจับกุม และสามารถพาหนีออกนอกประเทศได้ง่าย รวมถึงมีลูกศิษย์คนสนิทอีก 1 คน คือ นายพีรวิช ศรีศรัทธา อายุ 28 ปี

จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า สีกาคนสนิทรวมถึงลูกศิษย์อีกคน อยู่ในการควบคุมของพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. นอกจากนี้ยังมีชาวลาวอีก 3 คนที่ช่วยเหลือ ซึ่งอยู่ระหว่างการหลบหนี แต่ยังไม่ทราบชื่อ อย่างไรก็ตามพบว่าทั้ง 5 คน หลบหนีไปทางประเทศลาวและยังไม่เดินทางกลับเข้ามา

ล่าสุด พล.ต.อ.จักรทิพย์ สั่งการให้ตำรวจนครพนมรวบรวมพยานหลักฐาน เสนอศาลจังหวัดนครพนม และอนุมัติออกหมายจับบุคคลรวม 5 คน ประกอบด้วย 1.นางศศิร์อร เจียมวิจิตรกุล หรือ สีกาจุ๋ม สัญชาติไทย 2.นายพีรวิช ศรีศรัทธา สัญชาติไทย 3.จันทนา รัตนวงษ์ สัญชาติลาว 4.นางจิตติมา ลัดตะมะวง สัญชาติลาว 5.นายน้อย รัตนวงษ์ สัญชาติลาว

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯได้มีการสืบสวนและประสานข้อมูลไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อขอรายละเอียดในด้านข้อมูลการเข้าออกประเทศไทยของผู้ต้องหาทั้ง 5 คนนี้ จนพบว่านางศศิร์อร หรือ สีกาจุ๋ม ได้มีการเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ ด้วยสายการบิน อีวา แอร์ (EVA Air) เที่ยวบิน BR67 ไปยังท่าอากาศยานลอนดอนฮีทโธรว์ กรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ เมื่อเวลา 12.50 น. ของวันที่ 5 มิ.ย. ที่ผ่านมา และยังไม่พบข้อมูลการเดินทางกลับเข้ามา

ซึ่งตำรวจจะเร่งประสานงานติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี ฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 ผู้ใดช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้น หรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ต้องระวางโทษจำคุก 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ด้าน พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ขั้นตอนหลังจากนี้ ขึ้นอยู่กับทางผู้บังคับบัญชาระดับสูง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. จะสั่งการ ส่วนตำรวจในพื้นที่ พร้อมที่จะดำเนินการทุกขั้นตอนตามกฎหมาย แต่ไม่สามารถให้สัมภาษณ์หรือให้ข้อมูลเชิงลึกได้ จะต้องรอคำสั่งผู้บังคับบัญชาเท่านั้น เกรงว่าจะกระทบการทำงานของตำรวจ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน