กรมอนามัย จวกกลับพ่อให้ลูกดื่ม น้ำกระท่อม เข้าข่ายทารุณกรรม-ละเมิดสิทธิเด็ก ชี้ส่งผลต่อสมองและการเจริญเติบโต อาจทำให้เกิดอาการทางจิตได้ แนะพ่อแม่ต้องมีความรู้ ความเข้าใจในการเลี้ยงดูบุตร ระบุทารก 0-6 เดือนต้องกินนมแม่สร้างภูมิคุ้มกัน

จากกรณีโลกออนไลน์มีการแชร์โพสต์เด็กวัยเพียงไม่กี่เดือนกำลังนอนดูดขวดนม โดยผู้เป็นพ่อได้โพสต์ว่า ถ้าต้องเลือกระหว่าง ยาบ้า กับน้ำกระท่อม จะเลือกสิ่งไหน อันไหนดีกว่ากัน โดยอ้างว่า เด็กมันร้องอยากกินน้ำ ซึ่งต่อมาได้โพสต์ว่า ไม่ได้ให้ลูกกินน้ำกระท่อม แค่ล้อเล่นเท่านั้น พร้อมทั้งอ้างว่าเป็นชาลิปตัน

ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 ก.ย. พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวถึงกรณีที่เกิดขึ้น ว่า กรณีที่เด็กดื่ม น้ำกระท่อม ที่บรรจุอยู่ในขวดนมนั้น หากเป็นจริง นับเป็นการเลี้ยงลูกที่ไม่ถูกต้องและเป็นอันตรายสำหรับเด็ก เพราะการให้เด็กเล็กได้รับสารเสพติดหรือสารที่เป็นพิษสามารถจัดได้ว่าเป็นการทารุณกรรมและละเมิดสิทธิเด็กรูปแบบหนึ่ง

พญ.อัมพร กล่าวต่อว่า และกฎหมายไทยจัดให้กระท่อมอยู่ในกลุ่มยาเสพติดประเภทที่ 5 ใบของต้นกระท่อมจะมีสารเสพติดชื่อ ไมทราไจนีน ซึ่งมีฤทธิ์ต่อสมองคล้ายฝิ่น เป็นผลเสียต่อสมองและร่างกายที่กำลังเจริญเติบโตของเด็ก ดังนั้น การเลี้ยงดูเด็กไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ที่ดูแลลูกด้วยตนเอง หรือพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือในกลุ่มผู้เลี้ยงดูเด็กที่ไม่ใช่พ่อแม่ จึงจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง

พญ.อัมพร กล่าวอีกว่า โดยทารก 0-6 เดือน ควรได้กินนมแม่อย่างเดียวถึง 6 เดือน และควรให้กินจากเต้าเพื่อสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูก ซึ่งในน้ำนมแม่ถือเป็นอาหารที่มีคุณค่าที่สุดสำหรับลูกมีสารอาหารมากกว่า 200 ชนิด ที่มีประโยชน์ต่อการเจริญเติบโต พัฒนาสมอง จอประสาทตา ทำให้เด็กสามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว

“นมแม่ในระยะ 1-7 วันแรก จะมีหยดน้ำนมที่เรียกว่า หัวน้ำนมหรือโคลอสตรัม ถือเป็นยอดอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารครบถ้วน อีกทั้งเป็นช่วงที่น้ำนมแม่มีภูมิคุ้มกันสูงสุด เด็กควรได้กินหัวน้ำนม เพราะเปรียบเสมือนได้รับวัคซีนหยดแรกของชีวิต เพราะเด็กแรกเกิดจะยังไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตนเองได้ ทารกที่ได้ดื่มนมแม่ จึงมีภูมิต้านทานในการต่อต้านเชื้อโรค” พญ.อัมพร กล่าว

รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า และช่วยลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆ เช่น การติดเชื้อของระบบทางเดินอาหาร การติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจ ลดภาวะเสี่ยงต่อโรคภูมิแพ้ หอบหืด หูอักเสบ เป็นต้น จากนั้นเมื่อเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป ระบบย่อยและดูดซึมอาหารพัฒนาได้ค่อนข้างสมบูรณ์แล้ว จึงให้เริ่มกินอาหาร ที่เหมาะสมตามวัย เช่น กล้วยน้ำว้า ไข่แดง ข้าว ผัก ผลไม้ และสารอาหารอื่นๆ ควบคู่กับการกินนมแม่ต่อเนื่องไปจนถึงอายุอย่างน้อย 2 ขวบ ซึ่งอาหารตามวัยที่ดีและมีประโยชน์จะส่งผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่ดีของเด็กตามมาด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการรับประทานจริง จะส่งผลต่อจิตประสาทของเด็กหรือไม่ พญ.อัมพร กล่าวว่า ส่งผล อาจทำให้เกิดอาการทางจิตเวชได้ รวมไปทั้งเกิดความบกพร่องทางสติปัญญา ดังนั้นจึงไม่ควรให้รับประทานอย่างเด็ดขาด

___________________________________________________

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน