วันนี้วันที่ 14 ธ.ค.2561 ศาลฎีกานัดอ่านเอง คำพิพากษาคดีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยื่นฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ฐานหมิ่นประมาทกรณีแถลงข่่าวคดี 396 โรงพักร้าง

ทั้งนี้คดีที่นายสุเทพฟ้องนายธาริตดังกล่าว ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายกฟ้อง

ก่อนที่ศาลฎีกาจะตัดสินในวันนี้ ขอย้อนกลับไปดูคำพิพากษาของศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ที่ตัดสินยกฟ้อง

เมื่อวันที่ 29 มี.ค.2561 ที่ห้องพิจารณา 709 ศาลอ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อ.1940/2556 ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326, 328
กรณีเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ถึง 5 มีนาคม 2556 นายธาริตแถลงข่าวกล่าวหาโจทก์ขณะดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีว่า ทำเรื่องขอเปลี่ยนแปลงโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทนจำนวน 396 โรงพัก จากรายภาครวมเป็นรายเดียว ซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่มิชอบ อันเป็นข้อความเท็จ ทำให้โจทก์เสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง

คดีนี้ศาลชั้นต้น มีคำสั่งเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2558 ให้ยกฟ้องก่อนชั้นพิจารณาคดี ต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2559 ให้ศาลชั้นต้นประทับรับฟ้องคดีไว้พิจารณา

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ขณะนั้นโจทก์ดำรงรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กำกับดูเเลสำนักงานตำรวจเเห่งชาติ จำเลยดำรงตำเเหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ซึ่งในโครงการก่อสร้างโรงพัก 396 เเห่ง ทางสำนักงบประมาณเคยมีความเห็นว่าการคำนวณทำสัญญาการก่อสร้างโรงพักทดเเทน 396 เเห่ง เป็นภาระผูกพันงบประมาณรัฐบาลควรทบทวนการลงทุนภาครัฐ เเละสำนักงบประมาณมีหนังสือทำความเห็นถึงคณะรัฐมนตรีในการทำสัญญาก่อสร้าง ที่บริษัทพีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประมูลรับเหมาก่อสร้างในโครงการก่อสร้างโรงพักทดแทน 396 แห่งทั่วประเทศ ที่นายสุเทพโจทก์ได้พิจารณาเห็นชอบรับเหมาโครงการ

ต่อมาได้มีบริษัทเอกชนที่เป็น 1 ในบริษัทผู้ประมูลรับเหมาร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องการรับเหมาทำสัญญาเกี่ยวกับบริษัทพีซีซีฯต่อผู้รักษาการปลัดกระทรวงการคลังในขณะนั้น อีกทั้งครม.ได้พิจารณาเห็นชอบให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติปฏิบัติตามที่สำนักงบประมาณเสนอ แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้ดำเนินการตามที่ครม.กำหนดไว้

การก่อสร้างสถานีตำรวจทั้ง 396 แห่ง ไม่ได้อยู่ในพื้นที่เดียวกัน ยากแก่การบริหารงาน จึงไม่เป็นการปฏิบัติตามระเบียบ ซึ่งโจทก์ได้มีการเปลี่ยนสัญญาแก้ไขการก่อสร้างโรงพักทดแทน 396 แห่ง เป็นสัญญาเดียวจากที่สำนักงบประมาณเคยทำความเห็นเสนอครม.เป็นรายภาค ต่อมาบริษัทพีซีซีก็ก่อสร้างโรงพักทดเเทนไม่เเล้วเสร็จตามสัญญา

การที่โจทก์เห็นว่าจำเลยหมิ่นประมาทนั้นเห็นว่า การกระทำที่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทนั้น ต้องเป็นการนำความอันเป็นเท็จใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่ 3 ให้ได้รับการถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ไม่ใช่การเเสดงความเห็นโดยสุจริตหรือการกระทำตามหน้าที่ หรือติชม ด้วยความเป็นธรรม ซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ

ซึ่งการก่อสร้างโรงพักทดเเทน 396 เเห่งนั้น ในทางนำสืบได้ความว่า ครม.ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงบประมาณไปดำเนินการ เเต่ไม่ปรากฏว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการตามมติครม. เเละระเบียบสำนักนายกฯ จึงไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ การก่อสร้างไม่ได้อยู่ในพื้นที่เดียวกัน อีกทั้งทางนำสืบโจทก์ยังเบิกความรับว่าให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรวมทำสัญญาเดียวกันเเละให้ยกเลิกการประมูลราคาเเยกรายภาค

จึงเห็นว่าเมื่อการที่นายสุเทพโจทก์มีคำสั่งรวมสัญญาเดียวกันเเละยกเลิกสัญญารายภาคนั้น การกระทำจึงมีเหตุเชื่อว่านายสุเทพโจทก์ไม่ได้ทำตามมติครม.เเละระเบียบสำนักนายกฯ จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยใส่ความโจทก์ ซึ่งจำเลยนั้นมองว่าการกระทำของโจทก์อาจเป็นการกระทำความผิดฐานปฎิบัติหน้าที่มิชอบตามมาตรา 157 ซึ่งอยู่ในอำนาจสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ การเเถลงข่าวของจำเลยจึงเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ ที่จะเเถลงข่าวเนื่องจากโครงการก่อสร้างโรงพักเป็นโครงการที่ประชาชนให้ความสนใจ ถือเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะต่อประชาชน

ส่วนที่โจทก์อ้างว่าการแถลงข่าวในช่วงใกล้เลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จำเลยกับพวกต้องการทำลายฐานคะแนนเสียงพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีการส่งม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. เเข่งขันกับพรรคเพื่อไทยเป็นการกล่าวอ้างลอยๆ

ส่วนที่อ้างว่าศาลเคยประทับรับฟ้องจำเลยในคดีหมิ่นประมาทอีกสำนวนจากเรื่องการก่อสร้างโรงพักเช่นกันนั้น ข้อเท็จจริงในสำนวนคดีย่อมมีความเเตกต่างกัน การกระทำของจำเลยจึงไม่ใช่การใส่ความ เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตในฐานะเจ้าพนักงานปฏิบัติตามหน้าที่

จึงไม่มีความผิด พิพากษายกฟ้อง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน