บิ๊กโจ๊ก เคลื่อนไหวแล้ว ยื่นฟ้องหมิ่นสื่อปูดข่าว “บัตรฟาสต์แทร็ก”

บิ๊กโจ๊ก เคลื่อนไหวแล้ว / เมื่อช่วงเช้าที่ 27 พ.ค.ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี มอบอำนาจให้ นายศิริพัฒน์ บุญมี ทนายความ ยื่นฟ้องบริษัทไทยเดย์ ด็อทคอม จำกัด,นายขุนทอง ลอเสรีวานิช ,นายนิพนธ์ นาคสมภพ,นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล, นายวริษฐ์ ลิ้มทองกุล ผู้บริหารในเครือ นสพ.ผู้จัดการ รวม 5 คน เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 และ 328

โดยคำฟ้องสรุปพฤติการณ์ทำนองว่า เมื่อวันที่ 22 เม.ย.2562 จำเลยทั้ง5ได้ร่วมกันหมิ่นประมาณโจทก์ด้วยการจงใจใส่ความโดยการโฆษณาและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ให้ปรากฏข้อความ ภาพหรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฏไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกภาพด้วยการกระจายเสียง หรือกระจายภาพ หรือบันทึกอักษร โดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่นใด ในช่องทางการสื่อสารทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ เป็นการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่านเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ (http://mgronline.com)

โดยมีหัวข้อข่าวว่า “เปิดโปงทุจริต “บัตรฟาสต์แทร็ก” สุวรรณภูมิ ตม.พิมพ์ขายเอง ผ่านช่องทางพิเศษ”และข้อความในเนื้อข่าว “เปิดโปงขบวนการ Fast Track สุวรรณภูมิคืนชีพปูดฝีมือ “บิ๊กโจ๊ก” อดีตผู้การ ตม.สั่งพิมพ์ขายเองใบละ 35 บาท สายการบินอ่วม ติงไม่ใช่หน้าที่ ตม.ย้อนถามรายได้เข้ารัฐหรือไม่ ด้านทัวร์โขกราคาใบละ 500 บาท ผู้โดยสารอยากเร็ว จ่ายเพิ่มเข้า Priority Lane สบาย”

จากกรณีที่ นสพ.ผู้จัดการรายวัน 360 องศา ได้เคยนำเสนอข่าวเมื่อช่วงกลางปี 2561 กรณีการให้บริการบัตร Premium Lane ผ่านช่องทาง Priority Lane ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งมีขบวนการหาผลประโยชน์เนื่องจากมีการขายบัตร Premium Lane ให้แก่ผู้โดยสารทั่วไป ผ่านทัวร์และบริษัทนายหน้าราคาขั้นต่ำ 200 บาทต่อใบไปจนถึง 900-1,000 บาทต่อใบต่อคน ผิดระเบียบหลักเกณฑ์ที่ให้จัดทำช่องทาง Priority Lane ขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารกรณีพิเศษตามกฎหมาย เช่น เจ้าหน้าที่ทูต ลูกเรือผู้พิการ ส่วนการบินที่ต้องการบริการผู้โดยสารชั้นหนึ่ง หรือชั้นธุรกิจ จ่ายค่าบริการที่ 20 บาทต่อใบ

โดยบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ได้เคยยืนยันว่าการปฏิบัติงานที่เป็นไปตามมาตฐานเข้มงวดในการตรวจสอบผู้ถือบัตร Premium Lane โดยประสานงานใกล้ชิดกับคณะกรรมการดำเนินธุรกิจการบินประเทศไทย (AOC)และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ไม่ให้มีการใช้บัตรผิดประเภทโดยมิชอบ

แหล่งข่าวจากสนามบินสุวรรณภูมิระบุว่า หลังจากมีข่าวขบวนการขายบัตร Premium Lane จึงถูกจับตา ทำให้การแอบขายผ่านทัวร์ลดลง รวมทั้งข้อความในเนื้อข่าว “ปูดตม.ขายบัตร Fast Track ราคา 35 บาทเอง เงินเข้ารัฐหรือไม่”

การกระทำของจำเลยทั้ง 5 ที่ร่วมกันเสนอข่าว “เปิดโปงทุจริต “บัตรฟาสต์แทร็ก” สุวรรณภูมิ ตม.พิมพ์ขายเอง ผ่านช่องทางพิเศษ”และข้อความในเนื้อหาข่าวว่า “เปิดโปงขบวนการ Fast Track สุวรรณภูมิคืนชีพปูดฝีมือ อดีตผู้การ ตม.สั่งพิมพ์ขายเองใบละ 35 บาท สายการบินอ่วม ติงไม่ใช่หน้าที่ ตม.ย้อนถามรายได้เข้ารัฐหรือไม่ ด้านทัวร์โขกราคาใบละ 500 บาท ผู้โดยสารอยากเร็ว จ่ายเพิ่มเข้า Priority Lane สบาย” นั้น เป็นการใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สามด้วยการโฆษณาด้วยเอกสารผ่านระบบคอมพิวเตอร์โดยมีเจตนามุ่งร้ายต่อโจทก์ ทำให้ประชาชนทั่วไปที่ได้อ่านข้อความที่จำเลยเสนอข่าวดังกล่าวเข้าใจว่าโจทก์ในขณะดำรงตำแหน่งผบช.สตม.กระทำการโดยการทุจริตต่อหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในลักษณะกระทำการทุจริตเป็นขบวนการและรับเอาผลประโยชน์แก่ตนเองกับพวกพ้องโดยมิชอบ

ทั้งๆที่โจทก์ได้ดำเนินการต่างๆ ในตำแหน่งหน้าที่ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองตามนโยบายรัฐบาลที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรมเพื่อพัฒนาประเทศไทยไปสู่การเป็นประเทศไทย 4.0 เพื่อส่งเสริมให้คนต่างด้าวเข้ามาลงทุนและท่องเที่ยวในประเทศไทยโดยได้รับความเห็นชอบและอนุมัติโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตามโครงการระบบตรวจคนเข้าเมือง (Immigration System-IMM) การดำเนินการเกี่ยวกับโครงการดังกล่าวของโจทก์จึงไม่เป็นการกระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบตามที่จำเลยได้เสนอข่าว

ดังนั้นข้อความในเว็บไซต์ (http://mgronline.com) ตามหัวข้อข่าวดังกล่าวจึงเป็นการใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สามโดยการโฆษณาด้วยเอกสารและข้อความอันเป็นเท็จ ทำให้ประชาชนทั่วไปที่ได้อ่านข้อความดังกล่าวเข้าใจว่าโจทก์ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย แสวงหาผลประโยชน์แก่ตนและพวกพ้องโดยมิชอบ ทำให้โจทก์ซึ่งเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ(นักบริหารระดับสูง) เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นและถูกเกลียดชังจากประชาชนทั่วไป

ทั้งๆที่โจทก์ไม่ได้กระทำผิดตามที่จำเลยทั้งห้าเสนอข่าวตลอดระยะเวลาที่โจทก์รับราชการโจทก์มีความประพฤติดีและเป็นแบบอย่างที่ดีของข้าราชการตำรวจ ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ประกอบคุณงามความดีมาทั้งชีวิตและอุทิศตนเพื่อการทำงานอย่างสุดกำลังความสามารถให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและประเทศชาติ รวมทั้งได้ปฏิบัติหน้าที่ในการพัฒนาหน่วยงานหลายอย่างก่อประโยชน์แก่สังคมและหน้าตาของประเทศชาติมาโดยตลอด ปัจจุบันโจทก์ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี การกระทำของจำเลยทั้ง5ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง

เหตุเกิดทุกตำบล ทุกอำเภอ ทุกจังหวัด ทั่วราชอาณาจักร โดยโจทก์ประสงค์ที่จะยื่นฟ้องจำเลยทั้ง5ต่อศาลนี้ โดยขอให้ศาลสั่งและบังคับจำเลยตามคำขอต่อไปนี้ 1.ขอให้จำเลยทั้ง5ร่วมกันลบข้อความทั้งหมดที่ได้หมิ่นประมาทโจทก์ในกรณีพิพาทในคดีนี้ 2.ให้จำเลยทั้ง5ร่วมกันลงโฆษณาคำพากษาทั้งหมดในหนังสือพิมพ์รายวัน ได้แก่หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เดลินิวส์ ข่าวสด มติชน และผู้จัดการรายวัน ตามลำดับในหน้า 1 ของแต่ละฉบับ เป็นเวลา 7 วันติดต่อกัน โดยจำเลยทั้งห้าร่วมกันชำระเงินค่าโฆษณาดังกล่าวและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในกรณีดังกล่าวทั้งหมด 3.ให้จำเลยทั้ง5ร่วมกันลงประกาศคำพิพากษาทั้งหมดในสื่อออนไลน์ที่เป็นสื่อของจำเลยเอง ผู้จัดการออนไลน์ หรือ “MGR ONLINE”

ศาลอาญาได้รับไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ 1365/2562 เพื่อนัดไต่สวนมูลฟ้อง วันที่ 15 ก.ค. 2562 เวลา 09.00 นเป็นต้นไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน