ร้องกองปราบ เสี่ย ร้านสปานวดดัง ย่านเหม่งจ๋าย เบี้ยวค่าเช่านับ 10ล้าน ลักลอบค้ากาม

วันที่ 18 ก.ค. นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความชื่อดัง ได้พา นายนรุตม์ วรอาคม ผู้เสียหาย อายุ 33 ปี นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ภิรมย์ เมืองไสย สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ป. เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ หลังถูกผู้มีอิทธิพลรายหนึ่งย่านห้วยขวาง มาเช่าใช้ประโยชน์ที่ดินของตนเอง แต่กลับนำไปใช้สร้างเป็นสถานบริการค้าประเวณีและสิ่งผิดกฎหมายอื่นๆ รวมถึงไม่ยอมชำระค่าเช่าและปฏิบัติตามข้อตกลงตามสัญญาที่ได้เคยตกลงกันไว้ โดยนำพยานหลักฐานเป็นภาพถ่ายการกระทำความผิดต่างๆของผู้มีอิทธิพล ดังกล่าวมามอบให้เจ้าหน้าที่ไว้เป็นหลักฐาน

นายนรุตม์ กล่าวว่า ครอบครัวตนเป็นเจ้าของอาคารและที่ดินพื้นที่ 2 ไร่ 1 งาน บริเวณสี่แยกเหม่งจ๋าย ย่านห้วยขวาง เมื่อปี 2559 ได้มีผู้มาติดต่อขอเช่าใช้ประโยชน์อาคารและที่ดินผืนดังกล่าวเป็นเวลา 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย. 2560 ถึง 2561 เพื่อเปิดเป็นสถานบริการนวดแผนโบราณ ซาวน์น่า และสถานออกกำลังกาย โดยตกลงค่าเช่าเดือนละ 4 แสนบาท ต่อมาปรากฏว่า ผู้เช่ากลับไม่ยอมจ่ายค่าเช่าตามที่ตกลงกันไว้ โดยจ่ายแค่ในช่วง 2-3 เดือนแรก แต่ก็จ่ายค่าเช่าให้เพียงแค่เดือน 1-1.5 แสนบาทเท่านั้น

กระทั่งพอครบกำหนดสัญญาผู้เช่าก็ไม่ยอมย้ายออกและยังคงอยู่ประกอบกิจการใช้ประโยชน์เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนถึงปัจจุบัน ซึ่งรวมๆแล้ว ก็ติดค้างค่าเช่าเป็นเงินร่วมๆ 10 ล้านบาท และยังเคยมาบอกกับตนด้วยว่า “สัญญาที่ทำเป็นเพียงกระดาษ หากตนจะอยู่ต่อแล้วจะทำไม”

นายนรุตม์ กล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้ตนยังมาทราบภายหลังอีกว่า ผู้เช่าไม่ได้ประกอบกิจการนวดแผนโบราณ ซาวน์น่า และสถานออกกำลังกาย ตามที่ตกลงกันไว้ แต่กลับต่อเติมดัดแปลงตัวอาคารให้เป็นห้องขนาดเล็กจำนวนหลายห้อง เพื่อธุรกิจนวดสปาและค้าประเวณีแอบแฝง โดยที่ไม่เคยมาขออนุญาตครอบครัวตนหรือแจ้งขออนุญาตกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด ซึ่งผิดไปจากสัญญาที่ตกลงไว้ ที่๋ผ่านมาตนเคยไปร้องเรียนหน่วยงานรัฐหลายแห่ง แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้า จึงเข้ามาร้องเรียนที่กองปราบ

ด้านนายอนันต์ชัย กล่าวว่า ตนทราบว่า เคยมีสื่อมวลชนสังกัดหนึ่งส่งนักข่าวแอบเข้าไปทำการตรวจสอบสถานบริการดังกล่าว เพื่อเปิดโปงธุรกิจผิดกฎหมายของผู้มีอิทธิพลรายนี้ ก็พบว่ามีการแฝงค้าประเวณีทางเพศจริง ภายหลังจากที่มีการนำเสนอเป็นข่าวไปเมื่อวันที่ 17 ก.ค. ที่ผ่านมา ตำรวจ สน.ห้วยขวาง ก็ได้มาสั่งปิดสถานบริการดังกล่าว แต่เป็นการปิดเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น ก่อนจะกลับมาเปิดให้บริการตามปกติแล้ว เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำนายนรุตย์ไว้ เพื่อนำไปพิจารณาควบคู่กับพยานหลักฐานที่นายนรุตม์ นำมามอบให้ ก่อนนำเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน