จับรองผู้การฯ เก๊ อ้างใกล้ชิด บิ๊กตำรวจ วิ่งเต้นตำแหน่งได้ ตุ๋นเงินนับล้าน พ้นคุกแต่ไม่เข็ด

วันที่ 13 ก.ย. ที่สน.ท่าข้าม พ.ต.อ.สุริยา นาคแก้ว รอง ผบก.น.9 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ธีระ เถระพัฒน์ ผกก.สน.ท่าข้าม พ.ต.ท.ธงชัย บัวรังษี รองผกก.สส.สน.ท่าข้าม พ.ต.ท.ปิติพล พรหมแก้ว สว.สส.สน.ท่าข้าม พ.ต.ท.วรัษฐา วุฑฒิรักษ์ สว.สส.สน.ท่าข้าม ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นายกานพล หรือ กฤต กองมงคล อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7/1 ซ.รามอินทรา 52/1 แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กทม.

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

ผู้ต้องหาตามหมาบจับศาลอาญาธนบุรี ที่ จ.477/2562 ลงวันที่ 9 กันยายน 2662 ข้อหา “ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่บางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันพยายามฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น” พร้อมของกลางบัตรเอทีเอ็ม 2 ใบ และโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง โดยสามารถจับกุมได้ที่หน้าบ้านเลขที่ 76 หมู่ 4 ต.ห้วยยาบ อ.บ้านธิ จ.ลำพูน

พ.ต.อ.ธีระ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเดือนส.ค. ที่ผ่านมา พ.ต.อ.สุริยา เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์พนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม ว่า ถูกผู้ไม่หวังดีแอบอ้างนำรูปประจำตัวไปสมัครไลน์ เพื่อหลอกลวงนายตำรวจหลายนายว่า สามารถช่วยเหลือในการแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งระดับสว. ที่จะถึงนี้ได้ จนเป็นเหตุให้มีผู้หลงเชื่อโอนเงินให้ผู้ต้องหา เนื่องจากเข้าใจผิดคิดว่าเป็น รอง ผบก.น.9 จริง จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ท่าข้าม จึงร่วมกันนำกำลังสืบสวนสอบสวน จนพบข้อมูลตัวผู้ก่อเหตุคือ นายกานพล

จากการตรวจสอบประวัติยังพบอีกว่า เคยก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวและถูกตำรวจกองปราบปราม จับกุมตัวได้เมื่อปี 55 ที่ผ่านมา โดยถูกศาลตัดสินจำคุก 2 ปี 8 เดือน หลังจากพ้นโทษได้สักระยะ จึงตัดสินใจก่อเหตุอีกครั้ง จนกระทั่งมาถูกจับกุมตัวได้ขณะหลบหนีไปกบดานอยู่ที่ จ.ลำพูน ก่อนนำตัวมาสอบสวนเพิ่มเติมที่สน.ท่าข้าม

นายกานพล รับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้ประกอบอาชีพเป็นพ่อค้าตระเวนขายน้ำผลไม้อยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ และเคยคลุกคลีกับพรรคพวกที่เป็นตำรวจตชด. เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว เป็นเหตุให้รู้ความเคลื่อนไหวรวมทั้งแนวทางในการวิ่งเต้นแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ก่อนก่อเหตุ ไปซื้อซิมการ์ดหมายเลขโทรศัพท์ 082-478-0347 มาใช้กับโทรศัพท์มือถือส่วนตัว ก่อนนำมาไลน์ โดยใช้ชื่อ พ.ต.อ.สุริยา และใช้รูปประจำตัวของ พ.ต.อ.สุริยา ซึ่งหาได้จากทางโซเชียลมีเดีย ก่อนนำมาตั้งเป็นรูปโปรไฟล์

จากนั้นใช้วิธีโทรศัพท์ไปตามโรงพักต่างๆ ทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เพื่อสุ่มหลอกลวงนายตำรวจสัญญาบัตร และอ้างตนเป็นนายตำรวจ ทำงานใกล้ชิดกับผู้บังคับบัญชาระดับสูงในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อีกทั้งสามารถช่วยเหลือในการแต่งตั้งโยกย้ายในครั้งนี้ เมื่อเหยื่อตายใจเกิดหลงเชื่อจึงใช้ไลน์ทักไปหาเพื่อความน่าเชื่อถือ โดยที่ผ่านมาทำสำเร็จมาแล้ว 4 ครั้ง ได้เงินรายละ 2-3 แสนบาท เมื่อได้เงินมาจะนำไปใช้หนี้ เที่ยวเตร่ และใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน จนกระทั่งมาถูกจับกุมได้ดังกล่าว

พ.ต.อ.สุริยา เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ที่ผ่านมา ผู้ใต้บังคับบัญชาซึ่งเป็นลูกน้องเก่ามีตำแหน่ รอง สว.(สอบสวน) อยู่ที่ จ.สุราษฎร์ธานี โทรศัพท์มาสอบถามตนว่า ใช้โทรศัพท์และแอพพลิเคชันไลน์กี่เครื่อง เนื่องจากเพื่อนตำรวจด้วยกันถูกถามถึงเรื่องวิ่งเต้นตำแหน่ง ตนจึงตอบกลับไปว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและตั้งแต่ปฎิบัติหน้าที่มาก็ไม่เคยกระทำในลักษณะนี้

ก่อนตนจะนำเบอร์โทรศัพท์ของผู้แอบอ้างมาทดลองแอดไลน์ จนปรากฏรูปประจำโปรไฟล์เป็นรูปตนที่ถ่ายไว้เมื่อปี 60 พอทราบว่าเป็นการนำรูปไปแอบอ้างจนเกิดความเสียหายจึงเข้าแจ้งความที่สน.ท่าข้าม เพื่อประสานให้ฝ่ายสืบสวนแกะรอยติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

พ.ต.อ.สุริยา เผยต่อว่า จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินในบัญชีของผู้ต้องหาพบว่ามีเงินหมุนเวียนนับล้านบาท โดยที่ผ่านมาผู้ต้องหารายนี้มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ บช.ภ.5 แต่จะสุ่มโทรศัพท์ติดต่อไปหาตำรวจสัญญาบัตรระดับ รอง สว. ในตำแหน่ง ร.ต.อ. ที่กำลังจะขึ้นเป็นสว. ในพื้นที่ บช.ภ.8 เพื่อให้ไกลจากภูมิลำเนาตัวเอง โดยตนนั้นเชื่อว่า น่าจะมีผู้เสียหายหลงเชื่ออยู่หลายรายจากหลายสิบโรงพักแต่คงไม่มีผู้ใดกล้าเข้าแจ้งความ โดยตนในฐานะเป็นผู้เสียหายที่โดนแอบอ้างจะดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุดทั้งทางแพ่งและอาญา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน