เมื่อเวลา 05.40 น.วันที่24 ก.ค. ร.ต.อ.พงศภัคพล อันท้าว รอง สว.(สอบสวน)สน.บางเขน รับแจ้งเหตุมีรถยนต์ชนกันหลายคัน จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต เหตุเกิดบริเวณถนนรามอินทรา แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม.จึงรุดตรวจสอบพร้อมแพทย์นิติเวช รพ.ภูมิพล และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุเป็นบริเวณทางกลับรถ ก่อนถึงปากซอยรามอินทรา14 (ซอยมัยลาภ) ฝั่งมุ่งหน้ามีนบุรี พบรถเก็บขยะ บจก.อิทธิพรอิมปอร์ต สำนักงานเขตบางเขน ยี่ห้อฮีโน่ สีเขียว หมายเลขทะเบียน61-7946 กทม. จอดอยู่ช่องเลนขวา ด้านท้ายรถพบรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีบรอน หมายเลขทะเบียน4กอ8949 กทม.สภาพรถพังยับเสียหายอัดติดท้ายรถขยะ

จากการตรวจสอบที่เบาะนั่งด้านหน้าซ้ายพบผู้ได้รับบาดเจ็บ ติดอยู่ สภาพขาทั้ง 2 ข้างถูกคอนโซนหน้ารถกดทับอยู่ เจ้าหน้าที่จึงใช้เครื่องมือตัดถ่างเพื่อนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลเปาโลเกษตร ทราบชื่อนางจีรสุดา ณ พัทลุง อายุ 44 ปี และภายในรถดังกล่าวพบศพนายราชัน ณ พัทลุง อายุ 53 ปีเจ้าหน้าที่จัดการที่ดิน ระดับ 5 องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ในพระบรมราชูปถัมภ์ สภาพนั่งเสียชีวิตคาที่เบาะด้านคนขับ โดยสวมชุดองค์การสงเคสราะห์ทหารผ่านศึก

นอกจากนี้บริเวณด้านท้ายรถยนต์ยังพบรถตู้ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นคอมมิวเตอร์ สีขาว ทะเบียนป้ายแดง ก2954 นนทบุรี ชนท้ายอัดติดอยู่ โดยมีนายชัย เปรมสุขใจ อายุ 32 ปี เป็นผู้ขับขี่รถตู้ยืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจให้การว่า ตนมีอาชีพขับรถตู้ รับจ้างทั่วไป ก่อนเกิดเหตุเวลา 20.00 น.วันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา ตนได้ไปทำงานมาและไปแวะบ้านเพื่อน จ.สระบุรี และตื่นขึ้นมาช่วงเวลา 03.00 น. ก่อนขับรถเดินทางกลับบ้านย่านรามอินทราเพื่อรับลูกไปส่งที่โรงเรียน ระหว่างทางก่อนถึงจุดเกิเหตุตนรู้สึกง่วง จนเกิดอาการวูบหลับไป และรู้สึกตัวตอนรถพุ่งชนแล้ว ซึ่งตนยอมรับผิดว่าเกิดอาการหลับในจนทำให้เกิดอุบัติเหตุดังกล่าว

ด้านนายเกษม ธงสันเทียะ อายุ 43ปี คนขับรถเก็บขยะ เขตบางเขน กล่าวว่า หลังจากที่ตนนำขยะไปทิ้งแถวสายไหม และกำลังขับรถเพื่อกลับไปยังสำนักงานเขตบางเขน เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุตนได้จอดรอเพื่อกลับรถก่อนจะได้ยินเสียงดังสนั่นจากท้ายรถ จึงลงรถไปดูพบรถถูกชนท้าย จำนวน 2 คัน สำหรับอุบัติเหตุครั้งนี้ ตนถือว่าโชคดีที่พนักงานทุกคนมานั่งภายในรถจึงทำให้ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

ร.ต.อ.พงศภัคพล กล่าวว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีนายชัย คนขับรถตู้ในข้อหา”ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นได้รับความเสียหาย”และ “ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต” ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บทราบว่าเป็นภรรยากับผู้ตาย โดยก่อนเกิดเหตุทั้ง 2 รายออกจากบ้านพัก ที่หมู่บ้านทหารผ่านศึกเกาหลี กม.4 เพื่อเดินทางไปทำงานที่องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ย่านถนนวิภาวดี ขณะจอดรอกลับรถ จากนั้นมีรถตู้วิ่งมาด้วยความเร็วพุ่งชนท้ายอย่างแรง จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ส่วนศพนำส่งนิติเวช รพ.ภูมิพลเพื่อดำเนินการต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน