เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 24 ก.ค. 60 นาย กิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการฝ่ายรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธรรมนูญ ไตรทิพยพงศ์ ผบก.สมุทรปราการ พ.ต.อ.ชูตระกูล ยศมาดี ผกก.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แถลงข่าวจับกุม 2 ผู้ต้องหา คือนายสิทธิชัย แซ่เตียว อายุ 24 ปี และนายปิยะพงษ์ จุ้ยสุวรรณ อายุ 29 ปี ทั้งสองเป็นพนักงานของบริษัท B F S ที่ทำหน้าที่คอยขนถ่ายกระเป๋าเดินทางขึ้นเครื่องบิน พร้อมกับเงินหยวน 1 หมื่นหยวน คิดเป็นเงินไทยราว 5 หมื่นบาท และนาฬิกาแว่นตากันแดดหลายอัน

สืบเนื่องจาก เมื่อช่วงเวลาประมาณ 22.00 น. ของวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่นายณัฐพนธ์ ธรรมราช อายุ 20 ปี เจ้าหน้าที่รปภ.ที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้เพียง 20 วัน สามารถจับพิรุจของสองผู้ต้องหาได้ ซึ่งกำลังปฎิบัติหน้าที่โหลดกระเป๋าสัมภาระของผู้โดยสารขึ้นเครื่องบินของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบิน MH 782 ขาออกบริเวณ หลุมจอด G 1 ซึ่งกำลังจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมุ่งหน้าสู่ประเทศมาเลเซีย

นายณัฐพนธ์ให้การว่า ผู้ต้องหาทั้งสอง ซึ่งประจำตำแหน่งด้านในเครื่อง โดยมีนายสิทธิชัยนั่งเรียงกระเป๋าด้านในใต้ท้องเครื่อง นายปิยะพงษ์นั่งอยู่ที่ทางเข้า โดยพบว่ามีพิรุธด้วยการนำเอากระเป๋าเดินทางใบใหญ่มาวางตั้งบังมุมไว้ที่ทางเข้าใต้เครื่องโดยไม่ยอมนำเข้าเก็บด้านในแต่อย่างใด อีกทั้งยังคอยจับตาจ้องมองมาทางตน ซึ่งตนมองว่าเป็นการกระทำที่ผิดสังเกต จนกระทั่งทั้งสองคนได้ขนกระเป๋าทั้งหมดผ่านสายพานลำเลียงเข้าใต้ท้องเครื่องบินจนแล้วเสร็จทั้งสองก็รีบเดินมาเข้าห้องน้ำ ตนคาดว่าอาจจะมีการลักทรัพย์ผู้โดยสารออกมาด้วยจึงรีบเดินทางมาขอตรวจค้นกระทั่งพบเงินสดต่างชาติก้อนโตมัดด้วยหนังยางถูกซุกซ่อนไว้ในเป้ากางเกงของนายสิทธิชัย จึงรีบแจ้งหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยควบคุมตัวส่งตำรวจดำเนินคดี

นายสิทธิชัย หนึ่งในผู้ต้องหาและเป็นอดีตพนักงานของ B F S ออกมายอมรับว่าลงมือก่อเหตุจริง และยังออกมาแฉเส้นทางโจรของพนักงานในบริษัทเดียวกันพร้อมทั้งพาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปดูยังสถานที่จริงที่มักถูกลงมือก่อเหตุ

นายสิทธิชัย เล่าว่า ตนเพิ่งเข้ามาทำงานกับบริษัทแห่งนี้ภายในสนามบินสุวรรณภูมิได้เพียง 5 เดือนเท่านั้น และได้ลงมือก่อเหตุในลักษณะเช่นนี้มาแล้วถึง 5 ครั้ง โดยจดจำพฤติกรรมการก่อเหตุมาจากรุ่นพี่ที่เคยทำงานด้วยกัน และถูกไล่ออกหรือลาออกไปก่อนหน้านั้นแล้ว ซึ่งจะมีการปลูกฝังขึ้นตอนการก่อเหตุรวมถึงวิธีการเลือกเป้าหมายก่อนการลงมือ

นายสิทธิชัยยังเล่าต่ออีกว่า สำหรับการลงมือก่อเหตุนั้น จะไม่เลือกว่าเป็นสายการบินใดเพียงแค่สังเกตุว่าไม่มีเซฟตี้ หรือรปภ.ประจำสายการบินมาคอยตรวจสอบหรือดูแลขั้นตอนการขนถ่ายกระเป๋าสัมภาระแต่อย่างใด ก็จะอาศัยจังหวะที่ไม่มีเซฟตี้คอยคุม ลงมือก่อเหตุแอบเปิดกระเป๋าสัมภาระของผู้โดยสารที่ไม่มีการล็อคกุญแจหรือรหัสเพื่อนำเอาทรัพย์สิน สิ่งของมีค่า ออกมา

นายสิทธิชัยยังสารภาพอีกว่า ตนจะลงมือก่อเหตุในที่เก็บสัมภาระใต้เครื่องบิน ซึ่งจะให้พนักงานอีกคนที่นั่งขอบประตูเป็นคนดูต้นทาง หลังจากได้ทรัพย์สินมาแล้วหากเป็นสิ่งของหรือเงินสดก็จะยัดใส่เป้ากางเกงหรือยัดใส่รองเท้า เพื่อง่ายต่อการนำออกจากพื้นที่ โดยเจ้าหน้าที่รปภ.ส่วนใหญ่บริเวณช่องทางออกควบคุมพื้นที่นั้นจะเป็นรปภ.หญิงซึ่งจะไม่มีการตรวจคำที่เป้ากางเกงแต่อย่างใด

นายสุทธิชัยยังเปิดเผยแผนการของขบวนการเส้นทางโจรลักทรัพย์สินของผู้โดยสารต่อไปอีกว่า ยังมีร่วมขบวนการอีกหลายคน ไม่เว้นแม้แต่เจ้าหน้าที่รปภ.ของทางบริษัทเอกชนที่สายการบินว่าจ้างมา ก็มีส่วนรู้เห็นเพื่อหวังสิ่งตอบแทนส่วนแบ่งจากการก่อเหตุเกือบทุกราย

ด้านนายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผอ.ฝ่ายรักษาความปลอดภัย กล่าวว่า ในเบื้องต้นหลังทราบปัญหาจากคำให้การของพนักงานดังกล่าวนั้น เตรียมนำข้อมูลทั้งหมดเสนอต่อผู้บริหารในที่ประชุมเพื่อหามาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำขึ้นอีก เพื่อชื่อเสียงขององค์กรและสนามบินสุวรรณภูมิ ขณะเดียวกันเตรียมเสนอชื่อเจ้าหน้าที่รปภ.หนุ่มไฟแรงที่มีไหวพริบดีในการทำงานและมีความรักในอาชีพไม่มีการปล่อยปะละเลยต่อการกระทำผิดและไม่หวังผลตอบแทนจากการร่วมขบวนการนี้ จึงเตรียมเสนอมอบรางวัลและใบประกาศเกียรติคุณยกย่องความดีให้กับพนักงานรักษาความปลอดภัยของเอกชนรายนี้ต่อไป

ด้าน ผกก.สภ.สุวรรณภูมิเปิดเผยว่า ในส่วนของกลุ่มผู้ต้องสงสัยร่วมขบวนการที่ทางผู้ต้องหาได้ชี้เป้าไว้แล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทราบตัวทั้งหมดแล้วอยู่ระหว่างเฝ้าดูพฤติกรรม ในส่วนของผู้ต้องทั้งสองคนได้แจ้งข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ในท่าอากาศยาน ส่งตัวฟ้องศาลดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน