เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 17 ส.ค. ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงกรณีคนร้ายบุกปล้นเต็นท์รถ วังโต้ คาร์เซ็นเตอร์ ในพื้นที่ อ.เทพา จ.สงขลา ว่า ถือเป็นเรื่องใหม่เพราะไม่เคยเกิดเหตุแบบนี้ขึ้น ผู้ก่อเหตุรุนแรงพยายามพลิกแพลงสถานการณ์ไปตามรูปแบบ โดยใช้วิธีการที่เราไม่คาดคิด ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่พยายามวางมาตรการป้องกันอยู่แล้ว แต่พื้นที่กว้างอาจดูแลได้ไม่สมบูรณ์ ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหม ได้โทรศัพท์มาถึงตนเพื่อสั่งการให้เร่งรัดคลี่คลายสถานการณ์ให้ได้ โดยมีการปฏิบัติมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันสามารถยึดรถที่ถูกปล้นไปคืนได้ทั้งหมด เหลือเพียง 1 คัน คือรถกระบะ ยี่ห้อมาสด้า ที่คนร้ายใช้หลบหนี ซึ่งในพื้นที่กำลังเร่งรัดตามหารถคันดังกล่าวอยู่

“ผมขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้ที่เสียชีวิตทั้ง 2 คน ที่เป็นประชาชนที่อยู่เต้นท์รถแล้วถูกจับเป็นตัวประกัน เป็นเรื่องที่น่าเสียใจ ทั้งนี้ ต้องกำชับเรื่องการดูแลความปลอดภัยกันต่อไป ผมได้สั่งการพล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 ว่าการระวังป้องกันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บางครั้งยอมรับว่าเป็นพื้นที่กว้าง ฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้ริเริ่มการวางกำลังทั้งหมดไม่สามารถทำได้ แต่เมื่อเกิดเหตุแล้วต้องเร่งรัดคลี่คลายสถานการณ์ให้ได้โดยไว ผมทราบว่าวัตถุประสงค์ของผู้ก่อเหตุรุนแรงต้องการรถ 5 คัน ไปติดระเบิดเพื่อนำไปก่อเหตุในพื้นที่เศรษฐกิจ แต่เราก็สามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ต้องชื่นชมเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ที่เร่งรัดติดตามรถ ส่วนรถอีก 1 คัน คาดว่าจะติดตามได้ภายใน 1-2 วันนี้” ผบ.ทบ. กล่าว

เมื่อถามถึงเหตุที่คนร้ายนำรถไปก่อเหตุในพื้นที่เศรษฐกิจ พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมา เวลากลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงจะใช้วิธีการคาร์บอมบ์ โดยปล้นรถจากประชาชน 1 คัน จากนั้นนำมาติดตั้งระเบิดโดยใช้เวลานาน ทางเจ้าหน้าที่สามารถติดตามกดดันได้ แต่ปัจจุบันเขาใช้วิธีที่รวดเร็วขึ้นคือเมื่อปล้นได้ก็จะนำไปติดตั้งระเบิดและนำไปก่อเหตุทันที

ถามต่อว่าหลายฝ่ายมองว่าเป็นการกระทำของกลุ่มคนหน้าขาว ซึ่งเป็นคนที่ไม่เคยมีประวัติอาชญากรรมมาก่อน พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ เพราะปัจจุบันสถานการณ์ผ่านมา 10 กว่าปี ผู้ก่อเหตุความรุนแรงรุ่นเดิม ทางเจ้าหน้าที่ก็จะมีประวัติสามารถติดตามพฤติกรรมและความเคลื่อนไหวได้ตลอด ทางแกนนำก็พยายามชักชวนคนรุ่นใหม่ที่ไม่มีประวัติก่อเหตุเข้ามาเพื่อให้ง่ายต่อการหลบหลีกและพลิกแพลงการก่อเหตุ แต่คนเหล่านี้พื้นฐานไม่ได้เกิดจากอุดมการณ์โดยตรง แต่อาจจะเกิดจากการจ้างวาน

ผบ.ทบ. กล่าวต่อว่า ยอมรับว่าเป็นปัญหาเรื่องการติดตามตัว เพราะยังไม่มีประวัติ แต่เหตุที่เกิดขึ้นครั้งนี้ทราบว่าได้ตัวผู้ต้องสงสัยแล้ว 4 คน อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งเมื่อเกิดเหตุทางหน่วยในพื้นที่ได้ทำแผนบทเรียนว่าสิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามดำเนินการ เราจะมีแนวทางป้องกันอย่างไร แต่พื้นที่ที่เป็นส่วนบุคคลยอมรับว่ายากต่อการดูแล และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่แล้ว ซึ่งตนได้สั่งการให้หน่วยเฉพาะกิจต่างๆเข้าไปฝึกสอนและอบรมเรื่องการป้องกันตนเอง และการใช้อาวุธ หากมีสิ่งใดที่คิดว่าจะเกิดความรุนแรงขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ต้องอาศัยพี่น้องประชาชนช่วยกัน

ถามอีกว่า จะป้องกันการสร้างกลุ่มผู้ก่อเหตุรุ่นใหม่อย่างไร พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า พื้นที่ใดที่เป็นเป้าหมายเราก็จะไปปิด เช่น สถานศึกษาต่าง ๆ แต่ก็มีการพลิกแพลงแผนไปเรื่อย ๆ ซึ่งทุกฝ่ายในพื้นที่ต้องเพ่งเล็งเรื่องนี้ และติดตามอยู่โดยต้องอาศัยความร่วมมือขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่นช่วยดูคนเหล่านี้ ที่ผ่านมาก็มีการจับกุมตัวอดีตผู้ก่อเหตุรุนแรงได้

ถามด้วยว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นแล้วควรเปลี่ยนตัวแม่ทัพภาคที่ 4 หรือไม่ ผบ.ทบ. กล่าวว่า คงไม่ใช่สถานการณ์แบบนี้ว่าจะต้องเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยน เพราะมีปัจจัยอื่นอีกมาก แต่การทำงานที่ผ่านมาตนขอชื่นชมแม่ทัพภาคที่4 ทำงานดี เพราะตนติดตามการทำงานมาตลอดโดยเฉพาะงานด้านการข่าว ทั้งนี้ กลไกการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ใช่แม่ทัพภาคที่ 4 เพียงคนเดียว และเรื่องนี้ไม่ใช่ความรับผิดชอบของแม่ทัพภาคที่ 4 ว่าถ้าเกิดเหตุแล้วต้องเปลี่ยน คงไม่ใช่ประเด็น

ถามย้ำว่ามีผลกระทบต่อการปรับเปลี่ยนตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 หรือไม่ พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน อย่าไปมองจุดเล็ก ๆ เพียงจุดเดียว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน