เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 12 ก.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร. พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผช.ผบ.ตร. พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. พล.ต.ต.วุฒิพงศ์ เพ็ชรกำเหนิด ผบก.ปส.3 พล.ต.ต.สุนทร เฉลิมเกียรติ ผบก.ประจำ บช.ปส. เจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ง. และเจ้าหน้าที่ทหารกอง 12 ศรภ. บก.ทท. ได้ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการชัยยะสยบไพรี 60/6 “ผลพวงของความโลภ” จับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดรายใหญ่จำนวน 11 คน

ประกอบด้วย นายจรัญ คำสด หรือ นายจิรัฏฐ์ เพ็ญโสภณวิชญ์ นายเฉลิม กลิ่นด้วง น.ส.ภาวฤน ธนะพัฒนากุล น.ส.ธิดารัตน์ แทนหาญ นายใหม่ ทองมีทรัพย์ นายธัญญาวัฒน์ แสนหล้า นายสุรเชษฐ์ โฮเต็น นายคมฐิพัฒน์ งามขำ น.ส.รัสรินทร์ ตระกูลสุขอนันต์ นายพิชา สาโท และนายประยูร พระชัย พร้อมของกลาง อาวุธปืนไทยประดิษฐ์พร้อมเครื่องกระสุนปืน อาวุธปืน อาวุธปืนยาว 4 กระบอก ยาเสพติดประเภทน้ำกระท่อมและกัญชาแห้งจำนวนหนึ่ง เงินสด จำนวน 7,600,000 บาท นาฬิกาหรู จำนวน 3 เรือน โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง ตู้เซฟยี่ห้อ leeco สีเทา จำนวน 1 ตู้ ทองคำแท่งและทองรูปพรรณ น้ำหนักรวม 50 บาท รถยนต์จำนวน 9 คัน รถจักรยานยานต์ จำนวน 2 คัน โฉนดที่ดิน อาคารชุด คอนโดมิเนียม รวม 20 โฉนด สมุดบัญชีธนาคารจำนวน 38 เล่ม มูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดประมาณ 130 ล้านบาท

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวว่า สืบเนื่องด้วยเมื่อวันที่ 2 ต.ค. 59 ตำรวจภูธร ภาค 1 ได้จับกุมผู้ต้องหารวม 3 คน ของกลางยาบ้า 1,000,000 เม็ด ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ต่อเนื่องพื้นที่กรุงเทพมหานคร และขยายผลออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน โดยตำรวจภูธร ภาค 1 ได้ประสาน ศอ.ปส.ตร. และบช.ปส. ร่วมกันขยายผล พบว่าเป็นเครือข่ายการค้ายาเสพติดรายสำคัญ เชื่อมโยงหลายพื้นที่ มีผู้ร่วมขบวนการเป็นจำนวนมาก โดยมีนายจิรัฏฐ์ เพ็ญโสภณวิชญ์ ชื่อเดิม นายจรัญ คำสด ต่อมาได้บูรณาการร่วมกันสอบสวนสืบสวน ขยายผลนำไปสู่การขออนุมัติออกหมายจับผู้ร่วมกระบวนการอีก 6 คน และมีบุคคลในเครือข่ายของนายจรัญ คำสด ที่มีหมายจับคดียาเสพติด อีก 2 คน รวมเป็น 11 คน

ด้านพล.ต.ท.สมหมาย กล่าวว่า จากนั้นจึงได้มีการบรูณาการกำหนดแผนปฏิบัติการชัยยะสยบไพรี 60/6 “ผลพวงของความโลภ” เครือข่ายนายจรัญ คำสด เพื่อการปิดล้อมตรวจค้น จับกุมบุคคลในเครือข่ายนายจรัญตามหมายจับและยึดทรัพย์สิน ที่ได้จากการค้ายาเสพติด โดยกำหนดแผนปิดล้อม ตรวจค้น จำนวน 43 จุด ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร จำนวน 14 จุด ตำรวจภูธรภาค 1 จำนวน 20 จุด ตำรวจภูธร ภาค 3 จำนวน 4 จุด และ ตำรวจภูธร ภาค 4 จำนวน 5 จุด

พล.ต.ท.สมหมาย กล่าวต่อว่า สำหรับนายจรัญ ถือว่าเป็นผู้ต้องหาที่ตำรวจภูธรภาค 1 ต้องการตัวมากที่สุด มีพฤติการณ์คล้ายกับนายไซซะนะ แก้วพิมพา ผู้ต้องหาค้ายาเสพติดชาวลาวที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ โดยนายจรัญ จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางคอยติดต่อสั่งยาจากโรงงานผลิตกับกลุ่มว่าโดยตรง ก่อนสั่งกระจายพักยาเสพติดไปในพื้นที่ต่างๆ ทั้งภูธรภาค 1 2 และ 7 รอบกรุงเทพมหานครทั้งหมด และลำเลียงส่งต่อไปยังในพื้นที่ทางภาคใต้ต่อไป

พล.ต.ท.สมหมาย กล่าวต่ออีกว่า จากการสอบสวนนายจรัญ ยังคงให้การปฎิเสธ อ้างว่าทรัพย์สินทั้งหมดไม่ได้เป็นชื่อของตัวเอง และทรัพย์สินบางอย่างก็ได้จากการประกอบอาชีพเปิดร้านอาหาร แต่อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากมีหลักฐานที่สามารถจะเอาผิดได้แน่นอน

“นอกจากนี้ แนวทางการสืบสวนยังเชื่อว่า นายปัญญา ยิ้มอำไพ อายุ 34 ปี หรือ “เก่ง ลายพราง” เน็ตไอดอลชื่อดัง ที่ถูกจับกุมและถูกคุมขังไปก่อนหน้านี้ในข้อหา มียาไอซ์ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อาจจะมีส่วนพัวพันเกี่ยวกับเครือข่ายค้ายาเสพติดของนายจรัญ ซึ่งมีพฤติกรรมคล้ายๆกัน ในการสั่งขนยาเสพติด โดยทางเจ้าหน้าที่กำลังเฝ้าระวังอยู่ แต่ในรายละเอียดยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้” ผบช.ปส. กล่าว

ส่วนอีกคดีเจ้าที่ตำรวจ บช.ปส.3 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม. เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และ เจ้าหน้าที่ศุลกากร ได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาค้ายาเสพติดจำนวน 2 คน ประกอบด้วย นายพอโล เฮนรีคิว ไพเรสโด นาสซีเมนโต (MR.PAULO HENRIQUE PIRES DO NASCIMENTO) อายุ 26 ปี สัญชาติบราซิล และนายเอลโซนาส โคลิต้า ดา ชิลวา (MR.COLETA DA SILVA ELSONIAS) อายุ 35 ปี สัญชาติบราซิล พร้อมด้วยยาเสพติด โคคาอีน (COCAINE) น้ำหนักรวม 1.3 กิโลกรัมโทรศัพท์มือถือจำนวน 2 เครื่อง โดยจับกุมได้ที่อาคารผู้โดยสารท่าอากาศสุวรรณภูมิ ต.หนองปรือ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ

ด้านพล.ต.ต.วุฒิพงศ์ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ชุดกุมจับ ได้ร่วมกันทำการสืบสวนเครือข่ายยาเสพติดระหว่างประเทศ ซึ่งมักลักลอบนำยาเสพติดผ่านขเมายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จนเมื่อวันที่ 7 ก.ย. 60 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ติดตามพฤติกรรมของนายพอโล ผู้โดยสารสายการบิน เอธิโอเปียน แอร์ไลน์ ที่มาจากแอดดิสอาบาบา ประเทศเอธิโอเปีย มายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่มีพฤติกรรมน่าสงสัย จึงได้เข้าแสดงตัวและเชิญตัวมาซักถามข้อมูล แล้วนายพอโล ยอมรับว่ามียาเสพติดอยู่ในท้อง โดยกลืนมาจากประเทศบราซิล ซึ่งจากการตรวจสอบเป็นยาเสพติดประเภท 2 โคคาอีน จำนวน 100 ก้อน น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้ม 1.3 กิโลกรัม ก่อนขยายผลจับกุมนายเอลโซนาส ซึ่งเป็นผู้ที่มาติดต่อรับยาเสพติดจากนายพอโลที่ห้องพักดังกล่าว แจ้งข้อหาว่า ร่วมกันนำยาเสพติดให้โทษ 2 (โคคาอีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต นำส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส. 3 ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน