จากกรณีที่ตำรวจพบรถเก๋งคัมรี่ซึ่งถูกระบุว่าเป็นรถคันที่พาน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลบหนีไปจากบ้านพักมุ่งหน้าไปที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ฝั่งจ.สระแก้ว ซึ่งต่อมาตำรวจได้นำตัว พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ รองผบ.น.5 พ.ต.ท.สามมิตร ไชยอิ่นคำ สว.สส.ภ.จว.นครปฐม และด.ต.พรพิพัฒน์ มากบุญงาม ผบ.หมู่ ฝอ.7 ภ.จว.นครปฐม มาสอบสวนเพราะเกี่ยวข้องกับการพาน.ส.ยิ่งลักษณ์หลบหนี และมีคำสั่งเด้งตำรวจทั้ง 3 นายในเวลาต่อมา

มีรายงานข่าวเปิดเผยว่า พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ให้การถึงวันที่ขับรถคัมรี่พาน.ส.ยิ่งลักษณ์และเลขาสาวอีก 1 คนหลบหนีไปนั้นเกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำวันที่ 23 ส.ค. เริ่มจากขับรถสายตรวจทะเบียนตราโล่ไปรอรับน.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ลานจอดรถห้ามโลตัส สาขาวัชรพล ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์นั่งรถเบนซ์ สีดำ เข้ามาสักพักก็ขับรถมุ่งหน้าไปหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ย่านวัชรพล โดยทราบว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์เปลี่ยนไปนั่งรถคัมรี่ มีซันรูฟ สีบรอนเทา ทะเบียน ณย-2123 กทม. และขับไปที่บ้านพ.ต.อ.ชัยฤทธิ์

รายงานข่าวเปิดเผยว่า จากนั้นพ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ได้ไปนั่งขับรถคัมรี่แทน ซึ่งในรถมีน.ส.ยิ่งลักษณ์และเลขาผู้หญิงอีก 1 คน ทั้งคู่สวมแมสสีดำปิดปาก และสวมหมวกสีเข้มทั้งคู่ จากนั้นพ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ได้ขับรถคัมรี่มุ่งหน้าไปที่จ.สระแก้ว โดยผ่านถนนสุวินทวงษ์ ฉะเชิงเทรา ไปพนมสารคาม ผ่านต.เขาหินซ้อน เข้าสระปแก้ว ไปอรัญประเทศ

กระทั่งเวลา 22.00 น. พอขับรถถึงจุดนัดหมายห่างจากสถานีรถไฟอรัญประเทศประมาณ 1 กิโลเมตร มีรถปิกอัพ 4 ประตู สีทึบ จอดรออยู่ มีชายเดินมารับน.ส.ยิ่งลักษณ์และเลขาหญิงไปขึ้นรถปิกอัพแล้วขับออกไป พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ได้จอดรถข้างทางนอนหลับถึงตี 2 ก็ตื่นแล้วขับรถกลับบ้านที่กรุงเทพฯ

พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ยังให้การว่า จากนั้นได้เปลี่ยนทะเบียนรถคัมรี่แล้วขับไปให้ด.ต.พรพิพัฒน์ มากบุญงาม ซึ่งเคยรับราชการด้วยกัน โดยเมื่อวันที่ 28 ส.ค. ได้ให้ด.ต.พรพิพัฒน์นำรถคัมรี่ไปแยกชิ้นส่วนทำลายหลักฐาน ต่อมาวันที่ 30 ส.ค. ด.ต.พรพิพัฒน์ได้ติดต่อพ.ต.ท.สามมิตร ไชยอิ่นคำ สว.สส.ภ.จว.นครปฐม ซึ่งเป็นนักเรียนพลตำรวจรุ่นเดียวกัน ให้นำรถคัมรี่ไปแยกชิ้นส่วนทำลาย แต่พ.ต.ท.สามมิตรกลับขับไปจอดไว้ที่บ้านของด.ต.ธนรักษ์ ขาวสวนแก้ว ลูกน้อง ยังไม่ได้แยกชิ้นส่วนทำลาย กระทั่งวันที่ 21 ก.ย. ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์ให้นำรถคัมรี่ไปให้มอบให้ตำรวจที่สตช.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน