เมื่อวันที่ 14 ต.ค. นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯกทม. เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำท่วมขังว่า ปัญหาสำคัญคือปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาในพื้นที่กรุงเทพฯ ถือว่าหนักมาก เกิน 200 มม. ซึ่งเรดาร์ตรวจสอบนั้นล่วงหน้าได้ 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น และไม่สามารถทราบปริมาณฝนล่วงหน้าได้เช่นกัน ทำให้ปริมาณน้ำในคลองพื้นที่กรุงเทพฯเต็มหมดทุกคลอง จึงระบายออกได้ช้า ทำให้น้ำท่วมขังในพื้นที่ ประมาณ 55 จุด ตั้งแต่เวลาประมาณ 02.00 น. จนถึงช่วงเช้า

สำหรับอุโมงค์ระบายน้ำของกทม.นั้น แม้จะมีการเปิดใช้แล้ว 8 แห่ง แต่ยังมีน้ำท่วมขัง โดยเฉพาะจุดที่อยู่ใกล้อุโมงค์ เช่น บริเวณ 5 แยกลาดพร้าว ใกล้กับอุโมงค์ระบายน้ำบางซื่อนั้น ต้องยอมรับว่าอุโมงค์ของ กทม.นั้นดึงน้ำใต้คลองที่ใกล้เคียงได้ แต่ใต้คลองอื่นๆนั้นยังทำได้ช้า ทำให้น้ำเข้าสู่อุโมงค์ได้ช้าเมื่อเทียบกับปริมาณฝนที่ตกลงมา

สำหรับกรณีข่าวการปล่อยน้ำเหนือจากเขื่อนลงมา จนทำให้น้ำล้นคลองแสนแสบจนประชาชนต้องขนย้ายของออกจากพื้นที่นั้น ไม่เป็นความจริง กรณีน้ำในคลองนั้น ยอมรับว่าเต็มทุกคลองและอาจจะล้นออกมา เนื่องจากท่อระบายน้ำไม่สามารถรับน้ำได้ แต่กรณีการปล่อยน้ำเหนือนั้นยังไม่มีปัญหา เพราะกทม.ได้ตกลงกับกรมชลฯ ในการปล่อยน้ำเหนือว่าหากมีปริมาณมากให้ แจ้งล่วงหน้า แต่จนถึงขณะนี้ กรมชลฯยังปล่อยน้ำในปริมาณ 2,300-2,400 ลบ.ม./วินาที ซึ่งปริมาณน้ำ-ที่เขื่อนเจ้าพระยาในพื้นที่กรุงเทพฯรับได้อยู่ที่ 3,000 ลบ.ม./วินาที ในระดับความสูงของเขื่อน 2.80-3.50 เมตร จึงขอย้ำว่าปัญหาน้ำเหนือและน้ำทะเลหนุนนั้นขณะนี้ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ยังคงมีปัญาเรื่องปริมาณฝนเป็นหลัก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน