เมื่อวันที่ 12 พ.ย. พล.ร.ต.สมัย ใจอินทร์ เจ้ากรมพัฒนาการช่าง กรมอู่ทหารเรือ เปิดเผยว่า กองทัพเรือได้ขุดพบปืนใหญ่อายุกว่า 250 ปี หรือสมัยกรุงธนบุรี รวม 12 กระบอก หนักกว่า 5 ตัน การขุดปืนใหญ่โบราณในครั้งนี้ เพิ่งจะได้จังหวะเวลา และโอกาสดีในการขุดขึ้นมาจากดิน เพราะมีขนาดใหญ่มาก โดยใช้เวลาขุดทั้ง 12 กระบอก ขึ้นมาจากดินที่ความลึกกว่า 2 เมตร นานถึง 2 สัปดาห์ เพราะต้องใช้ความระมัดระวัง เพราะปืนกระบอกที่ใหญ่ที่สุดมีน้ำหนัก 5 ตัน ฝั่งอยู่ในลักษณะปากกระบอกปืนจมลงดิน

พล.ร.ต.สมัย กล่าวว่า สำหรับกระบอกใหญ่ น้ำหนัก 5 ตัน เป็นปืนที่หล่อจากประเทศอังกฤษแล้วขายให้กับไทย ในยุคต้นรัตนโกสินทร์ มีความยาว 10 ฟุต ปากกระบอกกว้าง 10 นิ้ว มีตราสัญลักษณ์มงกุฎของ ประเทศอังกฤษ และเลข ปืน สลัก วันที่-ปีผลิต โดยที่ขุดพบ มีกระบอกปืนใหญ่หลายขนาด คละกันไป ขนาดใหญ่สุด ความยาว 10 ฟุต 1 บอก และความยาว 8 ฟุต 2 กระบอก และเป็นปืนใหญ่ขนาดกลาง ที่หล่อใน ประเทศฝรั่งเศส ในยุค นโปเลียน 1 กระบอก คาดว่า เป็นปืนที่ทหารอังกฤษ ยึดมาจาก ฝรั่งเศส เมื่อรบชนะ แล้วก็นำมาขายให้ไทย พร้อมปืนของอังกฤษ ส่วนที่เหลือ อีก 8 กระบอก เป็นขนาดเล็กลงมา ที่คาดว่า เป็นปืนที่ไทยหล่อขึ้นเอง

พล.ร.ต.สมัย กล่าวต่อว่า ในช่วงเวลานั้น ที่เราต้องเร่งสร้างอาวุธ ที่โรงหล่อหลวง ใต้วัดระฆัง ซึ่งก็คือโรงงานหล่อหลอม กองโรงงานอู่ทหารเรือธนบุรีในปัจจุบัน ทางกองทัพเรือจึงได้เชิญนักวิชาการ ประวัติศาสตร์ และด้านปืนใหญ่ โลหกรรม มา ตรวจดู และค้นคว้า พบว่า เป็นปืนประจำเรือรบโบราณ และป้อมปืน ที่รักษาพระนคร เช่นเดียวกับ ป้อมวิชัยประสิทธิ์ ที่สร้างสมัยพระนารายณ์ เรียกตามชื่อผู้อำนวยการสร้างตอนนั้นว่าป้อมวิชาเยนตร์

ปืนใหญ่ เหล่านี้ ถูกฝังดินมานาน ยังอยู่ในสภาพดี เป็นปืนโบราณ ในพื้นที่บริเวณนี้ เป็นพระนิเวศน์ของ เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก หรือ รัชกาลที่1 ก่อนขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์ ของราชวงศ์จักรี ที่มีการทำโรงหล่อปืนใหญ่อาวุธต่างๆไว้สู้กับศัตรู หล่อเองจากสำริด รวมทั้งการซื้อปืน จากอังกฤษ เพื่อมาปกป้องชาติบ้านเมือง

“ปืนใหญ่เหล่านี้ เปรียบเป็น ทหารผ่านศึก ที่ได้รับใช้ชาติมาแล้ว ปกป้องชาติบ้านเมืองจากศัตรู เราจึงต้องให้เกียรติ ไม่ปล่อยให้ฝังดินอยู่ ต้องนำขึ้นมาไว้ในที่ๆเหมาะสม ทั้งการทำพิธี บวงสรวง และนำมาเตรียมจัดตั้งแสดง ในพิพิธภัณฑ์ กรมเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา ต้องขอบคุณบรรพบุรุษที่ได้ทำการเก็บรักสากระบอกปืนใหญ่ให้กับลูกหลานชาวไทยได้ศึกษาถึงประวัติศาสตร์ ของชาติไทย” พล.ร.ต.สมัย กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน