วันที่ 13 ธ.ค. ที่ด่านศุลกากรหนองคาย นายนิมิตร แสงอำไพ นายด่านศุลกากรหนองคาย เปิดเผยรายละเอียดภายหลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ง. สอบปากคำนายสุบัน เตียสิริ อายุ 30 ปี และนายคำบอน เตียสิริ อายุ 24 ปี สองพี่น้องชาวลาว ที่ซุกซ่อนเงินสดจำนวน 98 ล้านบาทตามซอกต่างๆ ทั่วรถยนต์โตโยต้า แลนด์ครุยเซอร์ โดยมีทนายความร่วมรับฟังการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ด้วย เป็นการสอบปากคำตั้งแต่เวลาประมาณ 14.00 น. ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง อ่าน ตะลึง! ซุกเต็มรถ เงินสด 98 ล้านบาท รวบ 2 พี่น้องชาวลาว เตรียมขนออกนอกประเทศ

นายนิมิตร กล่าวว่า ตอนนี้สอบเบื้องต้นครบทั้งศุลกากร ป.ป.ส. และป.ป.ง. โดยผู้ต้องหาทั้งสองคนยังยืนยันว่าเป็นการรับแลกเงิน ซึ่งเป็นเงินของสมาชิกในครอบครัว เป็นเงินของพี่สาวและของตนเอง พร้อมทั้งยอมที่จะยกของกลางเงินสดทั้งหมด 98 ล้านบาทให้เป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน ซึ่งทางศุลกากรจะส่งเรื่องการขอระงับคดีไปยังกรมศุลกากรเพื่อลงความเห็น

โดยสรุปได้ว่าเป็นเงินที่มาจากการทำธุรกรรมสีดำ เป็นเงินที่ต้องปิดลับ ซึ่งนำเงินสกุลต่างประเทศมาแลกเป็นเงินไทยกลับไปอย่างปิดลับ เพราะเงินไทยในลาวสามารถใช้ได้ทุกแห่งทุกโอกาส ส่วนเงินดอลลาร์สหรัฐจะใช้ไม่ค่อยได้ แต่เป็นเงินมีมูลค่าที่ใช้เพื่อเก็บ และต้องสำแดงให้รัฐบาลลาวรู้

หลังจากนี้จะดำเนินการระงับคดีด้วยการส่งเรื่องเข้ากรมศุลกากรให้พิจารณาโดยด่วน ตามหลักของการแลกเปลี่ยนเงินมีอัตราโทษที่กำหนดไว้ชัดเจนอยู่แล้วว่า หากนำเงินเกิน 450,000 บาท แต่ไม่เกิน 2 ล้านบาท ออกนอกประเทศ อัตราโทษปรับ 20,000 บาท คืนเงินให้ผู้ต้องหาไป 2 ล้านบาท กรณีนี้ก็จะเป็นโทษปรับรวม 40,000 บาท คืนเงินให้ผู้ต้องหาไม่เกิน 4 ล้านบาท หรือประมาณ 3,960,000 บาท ที่เหลือ 94 ล้านบาท ต้องตกเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน

ถ้าคณะกรรมการที่กรมศุลกากรเห็นชอบด้วยก็จะมีเงินเข้าหลวง 94 ล้านบาท พร้อมกันนี้จะขอข้อมูลจากทางธนาคารร่วมด้วย การกระทำของทั้งสองคนนี้ เป็นในลักษณะการนำเงินดอลลาร์มาขาย ไม่ใช่การแลกเงิน ธนาคารก็รับซื้อไว้ด้วยเงินบาทไทย แต่หากเป็นการแลกเปลี่ยนเงิน หากเกิน 2 แสนบาท ก็ต้องรายงาน ป.ป.ง.ทราบ บุคคลที่นำเงินมาแลกต้องมีเอกสารยืนยันตัวตนจริง

ทั้งสองคนมีบริษัทรับแลกเปลี่ยนเงินตราจริง จึงสามารถเก็บรวบรวมเงินดอลลาร์นำมาแลกเป็นจำนวนมากได้ แต่ยังไม่ได้ชื่อที่ครบถ้วน เชื่อว่าเป็นการเปิดบริษัทรับแลกเปลี่ยนเงินบังหน้า เพื่อปิดบังบางอย่าง ลักษณะเหมือนโพยก๊วน เป็นเงินไม่มีที่มาที่ชัดเจน แต่เป็นการกระทำที่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนเจ้าหน้าที่ไทยดูแลได้เฉพาะการควบคุมการนำเงินออกนอกประเทศโดยไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจลาวก็มาขอข้อมูล และจะส่งข้อมูลเพิ่มเติมหลังจากสอบสวนเพิ่มเติมไปให้ด้วย

ขณะเดียวกันทั้งสองคนยังไม่สามารถเดินทางกลับประเทศได้ จนกว่ากรมศุลกากรจะเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบกับคำสั่งระงับคดีของศุลกากรหนองคาย หรือสั่งเป็นอย่างอื่น จึงเป็นที่ยุติของคดี หากกรมศุลกากรรับคดีก็จะเปรียบเทียบปรับที่ด่านศุลกากรหนองคายได้ทันที ส่วนเงินทั้ง 98 ล้านบาท จะนำไปฝากเก็บไว้ที่ธนาคารในวันพรุ่งนี้

นายด่านศุลกากรหนองคาย กล่าวอีกว่า จากข้อมูลการเข้าออกประเทศของผู้ต้องหาทั้งสองคน พบว่า การนำเงินออกนอกประเทศ น่าจะเป็นลักษณะการเดินทางไปเช้าเย็นกลับทั้งหมด เดือนพ.ย.60 จำนวน 5 ครั้ง เดือน ธ.ค.ถึงวันที่ 12 ธ.ค.60 จำนวน 4 ครั้ง รวม 9 ครั้งนี้ มีความเป็นไปได้สูงว่ามีการนำเงินเข้ามาขายแล้วนำเงินบาทกลับไป

ครั้งล่าสุด ผู้ต้องหาทั้งสองรับสารภาพว่า นำเงินดอลลาร์เข้ามาขายจำนวน 8 แสนเหรียญ ส่วนครั้งนี้จำนวน 2.8 ล้านเหรียญ เฉลี่ยแล้วจะนำเงินดอลลาร์มาขายสัปดาห์ละครั้ง จากงานการข่าวและประมวลแล้วแต่ละครั้ง จะนำเงินบาทไทยออกไปไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท ครั้งล่าสุดคาดว่าจะมีเงินสะสมเยอะ จึงนำมาขายมากกว่าทุกครั้ง

หลังจากนี้ด่านศุลกากรหนองคายจะเข้มงวดรถยนต์ส่วนบุคคล นอกจากเรื่องยาเสพติดแล้วต้องดูเรื่องเงินเป็นหลักเพิ่มเติมด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก โดยจะขอความร่วมมือกับธนาคาร เพื่อขอข้อมูลหากมีการแลกเปลี่ยนเงินในจำนวนมาก ขอให้แจ้งทางศุลกากรทราบด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน